
Highlight ของโครงการ Raya Residence Krungthep kritha-Ramkhamhaeng (รายา เรสซิเดนซ์ กรุงเทพกรีฑา-รามคำแหง) ที่แตกต่างจากบ้านหรูอื่นๆที่มีระดับ 50-100 ล้านบาทอยู่หลายโครงการ นั่นก็คือ เป็นบ้านสั่งสร้างที่เหมือนเราสร้างบ้านได้เอง แต่ไม่ต้องปวดหัวเรื่องงานก่อสร้าง
ทุกคนเคยเจอกันมั้ยที่ไปดูบ้านมาหลายหมู่บ้านมากๆก็ยังไม่มีที่ไหนที่ตรงใจเลย แต่ถ้าจะสร้างบ้านเองก็ต้องมาปวดหัวตั้งแต่การออกแบบไปจนงานก่อสร้างอีก รวมถึงยังต้องกังวลเรื่องเพื่อนบ้านและความปลอดภัยโดยรอบด้วย
นี่แหละ คือเหตุผลที่ทำให้โครงการ Raya Residence Krungthep kritha-Ramkhamhaeng (รายา เรสซิเดนซ์ กรุงเทพกรีฑา-รามคำแหง) เป็นโครงการบ้านสั่งสร้างที่เราจัดฟังก์ชันและเลือกวัสดุบ้านได้ตามต้องการ แบบที่เราไม่ต้องยุ่งกับสถาปนิกหรือผู้รับเหมาเอง เพราะโครงการจะจัดการให้ทั้งหมด ทำให้ได้บ้านที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของเราจริงๆ พร้อมสระว่ายน้ำส่วนตัวและลิฟต์ทุกหลัง แถมยังได้อยู่ในหมู่บ้านที่มีความปลอดภัยแน่นหนาและความเป็นส่วนตัวสูง มีเพื่อนบ้านเพียง 15 หลังเท่านั้น
สำหรับตัวบ้านก็เลือกได้ทั้งแบบ Tropical Resort และ Modern Minimal ได้ Vibe เหมือนพักอยู่รีสอร์ตหรือโรงแรม มีพื้นที่ใช้สอย 789-881 ตร.ม. เมื่อเทียบกับโครงการอื่นที่มีพื้นที่ใกล้เคียงกัน โครงการนี้เริ่มต้น 59-68 ล้านบาท ราคาที่จับต้องง่ายกว่า ทำให้คุ้มค่าในเรื่องราคาและพื้นที่ใช้สอยด้วยค่ะ
ส่วนตัวโครงการจะอยู่ในซอยรามคำแหง 118 ซอยเดียวกับหมู่บ้านพฤกษชาติ ที่เข้าออกได้ทั้งถนนรามคำแหงและกาญจนาภิเษก ใกล้กรุงเทพกรีฑาตัดใหม่ที่ถือเป็นทำเลบ้านหรู ความอุดมสมบูรณ์โดยรอบจึงครบครัน มีโรงเรียนนานาชาติและสนามกอล์ฟหลายแห่งค่ะ
ถ้าอยากรู้ว่าบ้านสั่งสร้างแบบโครงการนี้จะมีความน่าสนใจอะไรอีกบ้าง ขั้นตอนเป็นยังไง ภาพบรรยากาศบ้านจริงจะน่าอยู่อาศัยขนาดไหน ก็ตามอ่านกันต่อด้านล่างได้เลยค่ะ
ข้อมูลโครงการ
Raya Residence Krungthep kritha-Ramkhamhaeng (รายา เรสซิเดนซ์ กรุงเทพกรีฑา-รามคำแหง) ณ วันที่ 28 สิงหาคม 2568
ชื่อโครงการ | Raya Residence Krungthep kritha-Ramkhamhaeng (รายา เรสซิเดนซ์ กรุงเทพกรีฑา-รามคำแหง) |
ชื่อผู้ประกอบการ | บริษัท พรีเมียร์ แอสเซ็ทส์ จำกัด |
SEGMENT CLASS | SUPER LUXURY CLASS (รายละเอียดของ Segment บ้านปี 2023 ) |
โครงการตั้งอยู่ | ซอยรามคำแหง 118 แยก 33 (ซ.หมู่บ้านพฤษชาติ) ถนนรามคำแหง แขวงสะพานสูง เขตสะพานสูง กทม. 10240 |
ที่ดิน | 8-0-40.7 ไร่ |
จำนวนยูนิต | 15 ยูนิต |
ประเภทบ้าน |
|
ความสูงจากพื้นถึงฝ้า | The Nest ชั้น 1 สูง 2.8 เมตร / Double Volume สูง 6 เมตร / ชั้น 2-3 สูง 3 เมตร The Den ชั้น 1 สูง 3.9 เมตร / ชั้น 2-3 สูง 3 เมตร |
ราคาที่ดินเพิ่มลดตารางวาละ | 120,000 บาท |
เริ่มก่อสร้าง | เดือน กรกฎาคม ปี 2022 |
คาดว่าจะแล้วเสร็จ | The Nest ธ.ค. ปี 2023 / The Den มิ.ย. ปี 2024 |
เว็บไซต์โครงการ | คลิกที่นี่ |
โทร | 02-301-2888 |
ทำเลที่ตั้ง
พิกัด Google Maps : 13.76973963752633, 100.68957360971157
หรือสามารถ : คลิกที่นี่
Highlight
- ตั้งอยู่ในซอยรามคำแหง 118 แยก 33 เข้า-ออกได้ 2 ทางทั้งเส้นรามคำแหงและถนนคู่ขนานกาญจนาภิเษก จึงเดินทางเชื่อมต่อไปโซนข้างเคียงได้ง่าย
- มีรถไฟฟ้าหลายสายเป็นตัวเลือกในการเดินทาง ใกล้สุดจะเป็น MRT สายสีส้ม สถานีสัมมากร ห่างประมาณ 2.6 กิโลเมตร อีกทั้งมี MRT สายสีเหลือง และ Airport Rail Link
- ความอุดมสมบูรณ์โดยรอบครบครัน ทั้งร้านค้า ร้านอาหารในซอยพฤษชาติ, หมู่บ้านสัมมากรและตรงเส้นกรุงเทพกรีฑาอยู่หลากหลาย ส่วนห้างใหญ่ๆก็เช่น Paseo Town รามคำแหง, The Mall บางกะปิ, Lotus’s บางกะปิ และ The Mall รามคำแหง
- โรงเรียนนานาชาติและสนามกอล์ฟหลายแห่ง เช่น Brighton College Bangkok , Wellington College international Bangkok, สนามกอล์ฟ กรุงเทพกรีฑา และสนามกอล์ฟ นวธานี ซึ่งตอบโจทย์กับกลุ่มครอบครัวที่ซื้อบ้านระดับนี้
แผนที่จากทางโครงการค่ะ
โครงการ Raya Residence Krungthep kritha-Ramkhamhaeng (รายา เรสซิเดนซ์ กรุงเทพกรีฑา-รามคำแหง) ตั้งอยู่ในซอยรามคำแหง 118 แยก 33 ใกล้หมู่บ้านพฤกษชาติ ห่างจากถนนศรีนครินทร์-ร่มเกล้า (กรุงเทพกรีฑาตัดใหม่) ในระยะประมาณ 2.40 กิโลเมตรเท่านั้น
จากที่ตั้งโครงการสามารถเข้า-ออกได้ 2 ทางทั้งเส้นรามคำแหงและถนนคู่ขนานกาญจนาภิเษก จึงเดินทางเชื่อมต่อไปยังถนนศรีนครินทร์-ร่มเกล้า (กรุงเทพกรีฑาตัดใหม่), ถนนศรีนครินทร์, ถนนพัฒนาการ, ถนนลาดพร้าว รวมไปถึงสนามบินสุวรรณภูมิได้ง่ายค่ะ
ทำให้โครงการนี้เหมาะกับคนที่ใช้รถยนต์ส่วนตัว เพราะไม่ค่อยมีรถสาธารณะผ่านไป-มา สำหรับทางด่วนที่ใกล้โครงการจะเป็นจุดขึ้นลงทางด่วนวงแหวนกาญจนาภิเษก (บริเวณถนนรามคำแหง) ระยะประมาณ 1.80 กิโลเมตร วิ่งขึ้นเหนือไปรังสิต-นครนายก หรือวิ่งลงใต้ไปบางนา-สมุทรปราการ นอกจากนี้ยังเชื่อมเข้ามอเตอร์เวย์ (กรุงเทพ-ชลบุรี) และทางด่วนศรีรัช (วิ่งเข้าตัวเมือง) ได้สะดวกอีกด้วย
สำหรับทำเลของโครงการเป็นทำเลที่ขยับออกจากโซนกรุงเทพกรีฑาออกมานิดหน่อย ทำให้เมื่อเทียบกับโครงการบ้านอื่นๆบนทำเลกรุงเทพกรีฑาที่มีราคาพอๆกัน โครงการนี้จะได้พื้นที่ใช้สอยที่มากกว่านั่นเอง
ส่วนการเดินทางด้วยรถสาธารณะ จะไม่ค่อยมีรถประจำทางผ่านหน้าโครงการ แต่ยังดีที่สามารถเรียกรถ, Taxi, วินมอเตอร์ไซค์ผ่าน App ต่างๆได้แล้ว ก็ช่วยทำให้เดินทางได้สะดวกมากขึ้น นอกจากนั้นยังมีตัวเลือกการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าอยู่หลากหลายเส้นทางด้วยนะ
- MRT สายสีส้ม สถานีสัมมากร บนถนนเส้นรามคำแหง มีระยะห่างประมาณ 2.6 กิโลเมตร แต่เป็นรถไฟฟ้าสายอนาคต คาดเปิดบริการในปี 2570
- MRT สายสีเหลือง สถานีลำสาลี เป็นสถานี Interchange Station กับ MRT สายสีส้ม มีระยะอยู่ที่ 6.2 กิโลเมตร
- Airport Rail Link สถานีหัวหมาก มีระยะห่างจากโครงการอยู่ที่ 10.2 กิโลเมตร
สำหรับความอุดมสมบูรณ์ที่อยู่ใกล้ๆโครงการจะมีร้านค้า ร้านอาหารในซอยพฤษชาติหรืออีกจุดที่อยู่ใกล้ๆกันก็คือหมู่บ้านสัมมากร ที่เป็นย่านร้านค้าและร้านอาหาร Local ชื่อดังอร่อยๆให้เลือกซื้อของกินได้หลากหลายเลยค่ะ
รวมถึงตรงเส้นรามคำแหงก็จะมี Community Mall อย่าง Paseo Town รามคำแหง ที่ด้านในมี Makro ให้ซื้อของกินของใช้เข้าบ้านด้วย หรือไปห้างใหญ่ๆอย่าง The Mall บางกะปิ, Lotus’s บางกะปิ และ The Mall รามคำแหง จะไปทางรามอินทราก็มี Fashion Island และ The Promenade อยู่ไม่ไกล ให้มาเดินเล่นกันได้ค่ะ อีกทั้งใกล้โซนกรุงเทพกรีฑาที่หลังจากก่อสร้างถนนศรีนครินทร์-ร่มเกล้า (กรุงเทพกรีฑาตัดใหม่) ก็ทำให้เป็นโซนที่มีหมู่บ้านใหม่ๆเกิดขึ้นเยอะมากและส่วนใหญ่จะเป็นโครงการระดับ Super Luxury เกือบทั้งหมดเลย ทำให้มี Community Mall ค่อนข้างเยอะ เช่น Market Place, Max Value, Kurve 7 และ Market Today นอกจากนั้นยังมี The Park และ Lotus’s ในโซนนี้ด้วย
ทำเลนี้ยังเป็นย่านที่รวมโรงเรียนนานาชาติอยู่หลายแห่ง เช่น Brighton College Bangkok , Wellington College international Bangkok, Stamford International University และ International Montessori Center รวมถึงยังใกล้กับสนามกอล์ฟ กรุงเทพกรีฑา และสนามกอล์ฟ นวธานี ซึ่งตอบโจทย์กับกลุ่มครอบครัวที่ซื้อบ้านระดับนี้ค่ะ
สภาพแวดล้อมรอบโครงการ
สภาพแวดล้อมรอบๆ โครงการ Raya Residence Krungthep kritha-Ramkhamhaeng (รายา เรสซิเดนซ์ กรุงเทพกรีฑา-รามคำแหง) ส่วนใหญ่จะเป็นหมู่บ้านพักอาศัยสูง 2 ชั้นและที่ดินเปล่า จึงเป็นแหล่งชุมชนพักอาศัยที่ไม่หนาแน่นมากนัก ทำให้ได้บรรยากาศที่เงียบสงบ เหมาะแก่การอยู่อาศัยค่ะ
- ทิศเหนือ ติดกับ ที่ดินเปล่า
- ทิศตะวันออก ติดกับ บ้านพักอาศัย
- ทิศใต้ ติดกับ ถนนรามคำแหง 118 แยก 33 ฝั่งตรงข้ามเป็นบ้านพักอาศัยและที่ดินเปล่า
- ทิศตะวันตก ติดกับ บ้านพักอาศัย
บรรยากาศรอบๆ โครงการ เป็นหมู่บ้านพักอาศัยสลับกับที่ดินเปล่า เงียบสงบดีค่ะ
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
ห้างสรรพสินค้า / ตลาด
- The Paseo รามคำแหง – 4.8 km.
- Fashion Island – 8.8 km.
- The Promenade – 9.3 km.
- The Nine พระราม 9 – 12.5 km.
โรงพยาบาล
- โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ รามคำแหง – 3 km.
- โรงพยาบาลรามคำแหง – 7.1 km.
- โรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์ – 10.5 km.
โรงเรียน
- Heathfield International School – 3 km.
- โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า – 5.2 km.
- International Montessori Center – 5.6 km.
- Brighton College International School– 9.2 km.
สถานที่อื่นๆ
- สนามกอล์ฟนวธานี – 6 km.
- สวนสยาม – 6.4 km.
- สนามกอล์ฟกรุงเทพกรีฑา – 7.2 km.
- สนามบินสุวรรณภูมิ – 14.9 km.
รายละเอียดโครงการ
Highlight
- โครงการจัดสรรแบบบ้านสั่งสร้างแห่งเดียวบนทำเล สามารถออกแบบฟังก์ชันและวัสดุในบ้านได้เอง อีกทั้งยังได้อยู่ในหมู่บ้าน มีความปลอดภัยแน่นหนา
- ยูนิตน้อย เน้นความเป็นส่วนตัวสูง เป็นโครงการขนาดเล็ก มีเพียง 15 หลัง บางซอยมีเพื่อนบ้านเพียง 2 -3 หลัง ได้บรรยากาศในโครงการที่เงียบสงบ
- ทัศนียภาพภายในโครงการสวยงาม ออกแบบสวนสีเขียวตั้งแต่ด้านหน้าโครงการเข้ามาด้านใน เพิ่มความร่มรื่น น่าอยู่อาศัย รวมถึงสายไฟลงดินทั้งโครงการ ทำให้ภาพรวมโครงการดูเรียบร้อย สะอาดตาดี
ก่อนที่เราจะเข้าไปพูดถึงโครงการ Raya Residence Krungthep kritha-Ramkhamhaeng (รายา เรสซิเดนซ์ กรุงเทพกรีฑา-รามคำแหง) ที่เป็นโครงการบ้านเดี่ยวแบบสั่งสร้าง เราอยากขอเกริ่นถึงแบรนด์ Raya และ Developer กันสักหน่อย
ทาง Developer ของโครงการนี้ก็คือ บริษัท พรีเมียร์ แอสเซ็ทส์ จำกัด ที่อยู่ภายใต้กลุ่ม Raya Collection ที่หลายๆคนอาจจะคุ้นเคยกับชื่อโรงแรม รายา เฮอริเทจ เชียงใหม่และรายาวดี กระบี่ ที่เป็นโรงแรมระดับ 5 ดาวกันมาบ้าง แต่ครั้งนี้ทาง Developer จึงมาพัฒนาโครงการรูปแบบบ้านพักอาศัยกัน นั่นก็คือ โครงการ Raya Residence Krungthep kritha-Ramkhamhaeng (รายา เรสซิเดนซ์ กรุงเทพกรีฑา-รามคำแหง)
ดังนั้นเราจะเห็น Element ในการออกแบบหลายๆอย่างที่มีกลิ่นอายความเป็นโรงแรมและรีสอร์ตสูง ไม่ว่าจะเป็นความร่มรื่นของต้นไม้ใหญ่ตามริมถนนในโครงการ, การออกแบบบ้านให้ได้บรรยากาศของการพักผ่อนที่เน้นความเป็นส่วนตัว เพื่อให้เป็นบ้านที่เหมือนได้พักผ่อนอยู่ใน “โรงแรมหรือรีสอร์ต” จริงๆนั่นเอง
บ้านสั่งสร้างคืออะไร ?
หลังจากเราพาไปรู้จักกับทาง Developer กันแล้ว เราจะพูดถึงโครงการ Raya Residence Krungthep kritha-Ramkhamhaeng (รายา เรสซิเดนซ์ กรุงเทพกรีฑา-รามคำแหง) ที่เป็นโครงการจัดสรรแบบ “บ้านสั่งสร้าง” หรือง่ายๆก็คือ “บ้านที่ออกแบบได้เองทั้งหมด”
เคยเจอกันมั้ยที่ไปดูมาหลายหมู่บ้านมากๆก็ยังไม่มีแบบบ้านไหนที่ตรงใจเลย แต่ถ้าจะสร้างบ้านเองก็ต้องมาปวดหัวตั้งแต่การออกแบบไปจนงานก่อสร้างอีก อีกทั้งยังกังวลเรื่องเพื่อนบ้านและความปลอดภัยด้วย
ดังนั้นจึงมีโครงการจัดสรรแบบ “บ้านสั่งสร้าง” เหมือนโครงการนี้เกิดขึ้นมา ทำให้เป็นบ้านที่เราออกแบบเองและตั้งอยู่ในหมู่บ้าน โดยมีทางโครงการเป็นคนกลางจัดการเรื่องต่างๆให้ มีข้อดีที่นอกจากจะได้บ้านที่ตรงไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยของเราแล้ว ยังได้จุดเด่นของความเป็นหมู่บ้านจัดสรรทั้งระบบความปลอดภัยที่แน่นหนา สังคมเพื่อนบ้านในระดับเดียวกันและความเป็นส่วนตัวสูงนั่นเอง
สำหรับลำดับการซื้อบ้านสั่งสร้างจะแตกต่างกับโครงการหมู่บ้านจัดสรรทั่วไป โดยเริ่มจากการ “เลือกแปลงที่ดินเปล่า” ก่อน จากนั้นโครงการนี้จะมีแบบบ้าน Standard ให้เลือกทั้งหมด 2 แบบ เมื่อเราเลือกแบบบ้านแล้ว ทาง Developer จะเป็น “คนกลาง” ระหว่าง “ลูกบ้าน” และ “สถาปนิก” เพื่อพูดคุย-ปรับแปลนบ้านตั้งแต่แรกให้เข้ากับการใช้งานของแต่ละครอบครัวได้ รวมไปถึงการตกแต่งและวัสดุต่างๆ หลังจากนั้นทาง Developer ก็จะดูแลเรื่องผู้รับเหมาและการก่อสร้างให้จนกว่าบ้านจะสร้างเสร็จสมบูรณ์ นอกจากนั้นยังมีทีม Interior ช่วยดูแลการตกแต่งภายในและเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์ต่างๆให้ด้วยค่ะ แต่พอเป็นบ้านสั่งสร้างก็จะต้องเผื่อระยะเวลาในการก่อสร้างด้วยนะคะ ซึ่งรวมระยะเวลาตั้งแต่เลือกแปลงที่ดินไปจนถึงบ้านเสร็จพร้อมเข้าอยู่จะใช้เวลาประมาณ 18 เดือนค่ะ
โดยเราจะได้หน้าตาตัวบ้าน (Facade) เหมือนแบบบ้าน Standard อาจมีการเปลี่ยนวัสดุในการตกแต่งภายนอกได้ ขอแค่ภาพรวมภายนอกมีความกลมกลืน เป็นหนึ่งเดียวกันทั้งโครงการ ส่วนภายในบ้านจะกั้นแบ่งห้องยังไง อยากได้ห้องไหนเพิ่มหรือเปลี่ยนพื้น เปลี่ยนผนังเป็นยังไงก็แล้วแต่เรานั่นเอง
นี่จึงเป็นจุดเด่นของโครงการ Raya Residence Krungthep kritha-Ramkhamhaeng (รายา เรสซิเดนซ์ กรุงเทพกรีฑา-รามคำแหง) ที่แตกต่างกับโครงการอื่นๆบนทำเลนี้ที่มีบ้าน Super Luxury 50 ล้านไปจนถึงหลัก 100 ล้านบาทอยู่หลายโครงการ เพราะเป็นบ้านสั่งสร้างแห่งเดียวในโซนกรุงเทพกรีฑา – รามคำแหง เหมาะกับคนที่อยากได้บ้านในโครงการจัดสรร ได้ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวเหมือนโครงการอื่นๆ แต่ลูกบ้านสามารถออกแบบบ้านให้เหมาะกับการใช้งานของครอบครัวได้ แถมไม่ต้องปวดหัวกับเรื่องการก่อสร้างเองด้วย รวมถึงยังชอบ Theme และ Style ในการตกแต่งของโครงการที่ให้บรรยากาศแบบโรงแรมหรือรีสอร์ตค่ะ
Master Plan
โครงการ Raya Residence Krungthep kritha-Ramkhamhaeng (รายา เรสซิเดนซ์ กรุงเทพกรีฑา-รามคำแหง) เป็นบ้านเดี่ยว 3 ชั้น เพียง 15 ยูนิต บนที่ดินประมาณ 8-0-40.7 ไร่ ถือเป็นโครงการบ้านจัดสรรขนาดเล็ก
รวมถึงบ้านแต่ละหลังจะมีสระว่ายน้ำในตัวแบบ “Pool Villa” และมีพื้นที่ใช้สอยขนาดใหญ่เพียงพอที่จะทำห้องอเนกประสงค์ต่างๆให้ใช้งานได้ครบครันภายในบ้านอยู่แล้ว จึงทำให้ไม่มีพื้นที่ส่วนกลางให้มาแชร์ร่วมกัน ซึ่งก็ยิ่งทำให้ได้บรรยากาศภายในโครงการที่เงียบสงบ เหมาะแก่การอยู่อาศัยมากๆค่ะ
- ยูนิตน้อยเพียง 15 หลัง ได้บรรยากาศสงบ ไม่พลุกพล่าน
- เน้นความเป็นส่วนตัวสูง นอกจากจำนวนเพื่อนบ้านน้อยแล้ว ยังมีซอยที่มีเพื่อนบ้านเพียง 2-3 หลังด้วย (เส้นประเหลือง)
- ทัศนียภาพภายในโครงการสวยงาม ร่มรื่นและน่าอยู่อาศัย เพราะนอกจากสวนสีเขียวตั้งแต่ด้านหน้าโครงการเข้ามาด้านในแล้ว ยังออกแบบสายไฟลงดินทั้งโครงการ ได้ความเรียบร้อย สะอาดตาดี
- ทิศของบ้าน หันขนานไปตามทิศเหนือและใต้ ซึ่งเป็นทิศที่นิยมในการจัดวางบ้าน เพราะไม่โดนแดดโดยตรง โดยบ้านที่หันไปทางทิศเหนือจะได้ร่มเงาช่วงบ่าย ส่วนบ้านที่หันไปทางทิศใต้ก็เปิดรับลมได้ดีค่ะ
งั้นเราพามาดูซุ้มประตูของโครงการกันเลย โดยจะมีต้นไม้ประธานอยู่ตรงกลาง ตกแต่งผนังรอบๆ ด้วยวัสดุลายไม้ พร้อมพื้นที่สวนหย่อมด้านหน้าโครงการขนาด 34.9 ตรว. ทำให้ได้บรรยากาศร่มรื่นตั้งแต่ก่อนเข้าไปในโครงการเลยค่ะ
ทางเข้าโครงการ
ประตูทางเข้า-ออกโครงการเป็นรั้วเหล็กรางเลื่อนอัตโนมัติควบคุมด้วยรีโมท แบ่งใช้งานเป็น 2 ฝั่ง โดยมีป้อม รปภ. อยู่ตรงกลาง ส่วนระบบในการเข้า-ออกโครงการเป็นแบบ Keycard Access ทำให้ลูกบ้านขับผ่านได้เลย ส่วนแขกที่มาติดต่อจะต้องติดต่อตรงป้อม รปภ. ก่อนจึงขับเข้าไปในโครงการค่ะ
นอกจากนั้นยังมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง, ระบบ CCTV ภายในโครงการ 16 จุด พร้อมรั้วรอบโครงการที่เป็นรั้วคอนกรีตทึบสูง 3 เมตร ต่อด้วยรั้วไฟฟ้ากันขโมยสูง 60 เซนติเมตร ช่วยรักษาความปลอดภัยในโครงการด้วย
สำหรับถนนหลักของโครงการจะมีความกว้างอยู่ที่ 12 เมตร แล้วแยกออกเป็นซอยพักอาศัยต่างๆ โดยจะมีพื้นที่สวนหย่อมภายในโครงการทั้งหมด 4 จุด รวมพื้นที่ทั้งหมด 57.3 ตร.วา อย่างเส้นถนนหลักของโครงการนี้ก็จัดสวนทั้ง 2 ฝั่งถนน นอกจากจะเป็นเส้นนำสายตาเข้าไปด้านในแล้ว ยังสร้างความร่มรื่นและสดชื่นเวลาขับรถเข้า-ออกโครงการด้วยค่ะ อีกทั้งยังเลือกเป็นต้นไม้ใหญ่และไม้พุ่มทรงสูง-เตี้ย เพิ่มความมีมิติและดูสวยงามมากขึ้น
เมื่อขับตรงเข้ามาจนสุดถนนหลักจะเป็นตำแหน่งของอาคารนิติบุคคลขนาด 16 ตรว. และพื้นที่สวนสาธารณะแปลงนิติบุคคล 0-1-18.1 ตรว. รวมพื้นที่ทั้งหมดเป็น 0-1-34.1 ไร่
จากอาคารนิติบุคคลมองกลับไปยังถนนหลักของโครงการก็จะเป็นตำแหน่งที่ตรงกับถนนหลักเลย ทางโครงการจึงไม่ได้จัดสรรที่ดินแปลงนี้เป็นพื้นที่ขายจึงไม่มีแปลงบ้านที่ตรงกับทางสามแพร่งนะคะ
สำหรับถนนภายในซอยมีความกว้าง 9 เมตร เป็นระยะที่รถยนต์สามารถขับสวนกันได้สบาย รวมถึงเป็นซอยตัน มีจำนวนเพื่อนบ้านไม่เกิน 6 ยูนิต จึงทำให้ได้ความเป็นส่วนตัวในการอยู่อาศัยค่ะ นอกจากนั้นทางโครงการได้เดินสายไฟร้อยท่อลงดินทั้งโครงการ ทำให้ได้ทัศนียภาพภายในโครงการที่สวยงาม เรียบร้อย สะอาดตานั่นเอง
ถึงแม้โครงการนี้จะไม่ได้มี Clubhouse หรือพื้นที่ส่วนกลาง แต่ก็ยังมีทางนิติบุคคลและพนักงานต่างๆในการอำนวยความสะดวกในการอยู่อาศัยไม่ว่าจะเป็นความปลอดภัยหรือความเรียบร้อยในโครงการ จึงทำให้มีการเก็บค่าส่วนกลางอยู่ที่ 75 บาทต่อตร.วา/เดือน ถึงแม้จะมีราคาค่าส่วนกลางสูงกว่าโครงการบ้านทั่วไป แต่แลกมากับความเป็นส่วนตัวที่แชร์กับเพื่อนบ้านเพียง 15 หลังเท่านั้นนั่นเอง
ต่อมาเราพามาดูสำนักงานขายกันต่อ จะอยู่ด้านในโครงการ ออกแบบโดยใช้ผนังกระจกขนาดใหญ่ ทำให้ดูโปร่งโล่ง เชื่อมพื้นที่ภายใน-ภายนอก เวลานั่งอยู่ภายในสำนักงานขายก็เห็นแนวต้นไม้ ดูร่มรื่นดีเลยค่ะ
ภายในสำนักงานขายจะมี Materials ต่างๆ ไว้ให้ชมกัน ซึ่งเราจะพาไปชมรายละเอียดใน Part แบบบ้านกันต่อไปค่ะ
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- พื้นที่สวนหย่อมด้านหน้าโครงการขนาด 34.9 ตรว.
- พื้นที่สวนหย่อมภายในโครงการมีทั้งหมด 4 จุด รวมพื้นที่ทั้งหมด 57.3 ตร.วา
– สวนหย่อมที่ 1 ขนาด 12.1 ตรว. บริเวณทางเข้าโครงการ
– สวนหย่อมที่ 2 ขนาด 16.2 ตรว. บริเวณทางเดินด้านขวา
– สวนหย่อมที่ 3 ขนาด 16.6 ตรว. บริเวณทางเดินด้านซ้าย
– สวนหย่อมที่ 4 ขนาด 12.4 ตรว. บริเวณด้านในโครงการ - อาคารนิติบุคคล ขนาด 16 ตรว. และพื้นที่สวนสาธารณะแปลงนิติบุคคล 0-1-18.1 ไร่ รวมพื้นที่ทั้งหมดเป็น 0-1-34.1 ไร่
- ประตูรั้วโครงการแบบประตูรั้วเหล็กรางเลื่อนอัตโนมัติควบคุมด้วยรีโมท
- ระบบในการเข้า-ออกโครงการแบบ Keycard Access
- CCTV ภายในโครงการ 16 จุด
- รั้วรอบโครงการเป็นรั้วคอนกรีตทึบสูง 3 เมตร ต่อด้วยรั้วไฟฟ้ากันขโมยสูง 60 เซนติเมตร
- ถนนหลักกว้าง 12 เมตร และถนนภายในกว้าง 9 เมตร
- ระบบไฟ 3 เฟส (50/150) พร้อมเดินท่อร้อยสายไฟลงดิน
- เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง
แบบบ้าน
Highlight
- บ้านเดี่ยว 3 ชั้นแบบ Pool Villa มีสระว่ายน้ำภายในบ้าน ว่ายได้จริงจัง ความยาวสูงสุดเกือบเท่า Half Olympic พร้อมติดตั้งลิฟต์มาให้ใช้งานได้ง่าย
- คุ้มค่าด้านราคาและพื้นที่ใช้สอย เมื่อเทียบกับโครงการเพื่อนบ้านที่พื้นที่ใช้สอยพอๆกัน แต่โครงการนี้จะได้ราคาที่จับต้องง่ายกว่า
- เน้นความโปร่งโล่ง มีพื้นที่ฝ้าเพดานสูง Double Volume และออกแบบ Open Plan เชื่อมเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่
- บรรยากาศใกล้ชิดธรรมชาติ เน้นบานกระจกขนาดใหญ่ มองเห็นวิวต้นไม้และสระว่ายน้ำ
- ระเบียงขนาดใหญ่ทุกชั้น นอกจากจะได้ชายคายื่นบังแดด-ฝนแล้ว ยังได้ Vibe เหมือนอยู่โรงแรมหรือรีสอร์ตด้วย มีระแนงพรางสายตา สามารถเปิด-ปิดได้ ใช้งานได้ยืดหยุ่น
โครงการ Raya Residence Krungthep kritha-Ramkhamhaeng (รายา เรสซิเดนซ์ กรุงเทพกรีฑา-รามคำแหง) เป็นบ้านเดี่ยว Pool Villa สูง 3 ชั้น มีแบบบ้าน Standard ให้เลือกทั้งหมด 2 แบบ มีทั้งสไตล์ Tropical Resort เหมือนพักผ่อนในรีสอร์ตและสไตล์ Modern Minimal ได้ Vibe เหมือนพักอยู่ที่โรงแรม ซึ่งมีการออกแบบและหน้าตาบ้านที่แตกต่างกันเลยนะ ทำให้เราสามารถเลือกสไตล์บ้านที่ชื่นชอบได้เลย
- The Nest (เดอะ เนสท์) บ้านเดี่ยว 3 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 166.4 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 881 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 5 ที่จอดรถ / 2 ห้องแม่บ้าน / สระว่ายน้ำ / ลิฟต์ - The Den (เดอะ เด็น) บ้านเดี่ยว 3 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 133.7 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 789 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 6 ห้องน้ำ / 5 ที่จอดรถ / 2 ห้องแม่บ้าน / สระว่ายน้ำ / ลิฟต์
ทั้ง 2 แบบบ้านจะเป็นบ้านเดี่ยว Pool Villa มีสระว่ายน้ำส่วนตัวมาให้ใช้งานได้จริงจัง พร้อมลิฟต์ส่วนตัวทุกหลัง รวมถึงสร้างบ้านเต็มผืนที่ดิน เพราะเน้นพักผ่อนอยู่ในบ้านเป็นหลัก จึงมีพื้นที่ใช้สอยขนาดใหญ่ 789-881 ตร.ม. นอกจากนั้นเมื่อเทียบราคากับโครงการรอบๆ จะเห็นว่าโครงการนี้ให้พื้นที่ใช้สอยภายในตัวบ้านมาเยอะ เพื่อให้สามารถจัดฟังก์ชันทุกอย่างเข้ามาอยู่ในตัวบ้านได้ครบ อีกทั้งราคาก็จับต้องได้ง่ายกว่าด้วยนั่นเอง
ส่วนจุดแตกต่างของทั้ง 2 แบบบ้านที่เห็นได้ชัดที่นอกจากสไตล์บ้านแล้ว นั่นก็คือ The Den (เดอะ เด็น) จะเน้นความโปร่งโล่งทั้ง Open Plan เชื่อมต่อพื้นที่เข้าด้วยกันเป็นขนาดใหญ่ในหลายๆฟังก์ชัน ประกอบกับฝ้าเพดานสูง 3-3.90 เมตร โดยเฉพาะชั้น 1 ที่มีความสูงถึง 3.90 เมตร ทำให้ได้บรรยากาศเปิดโล่งตั้งแต่ก้าวเข้ามาในบ้านเลย อีกทั้งเน้นบรรยากาศใกล้ชิดธรรมชาติ ส่วน The Nest (เดอะ เนสท์) จะออกแบบแบ่งโซนพักผ่อนและโซน Service แยกจากกันได้ดี เน้นพื้นที่พักผ่อนชั้น 1 เป็นศูนย์กลางบ้าน เพราะชั้นอื่นๆจะมีแต่ห้องนอน จึงออกแบบโซนพักผ่อนอยู่ฝั่งด้านหลังบ้าน เปิดรับวิวสวนและสระว่ายน้ำยาว 24.7 เมตร เกือบเท่า Half Olympic เลยนะ พร้อม Terrace แนวยาวริมสระและมีเสาตกแต่งให้บรรยากาศเหมือนอยู่รีสอร์ต
โครงสร้างและวัสดุต่างๆ ตามมาตรฐาน
- หลังคา Shingle Roof รูปทรงปั้นหยาสำหรับแบบ The Nest และทรง Lean To Metal Sheet + Insulation สำหรับ The Den
- โครงสร้างบ้านแบบ Conventional ก่ออิฐมวลเบา ทุบต่อเติมได้
- พื้นระบบ Post Tension ทำให้สามารถออกแบบเป็นพื้นท้องเรียบไร้คาน ที่มีระยะห่างระหว่างเสาที่มากกว่า เพิ่มพื้นที่ใช้สอยระหว่างเสาได้ดียิ่งขึ้น จึงสามารถออกแบบการใช้งานได้ตามความต้องการได้ง่าย
- พื้นที่จอดรถและลานซักล้าง ลงเสาเข็มความลึก 21 เมตร เท่าตัวบ้าน ปูพื้นด้วยกระเบื้อง
- พื้นที่จอดรถ : กรุผนังไม้เทียม พร้อมฝ้าเพดานเป็น Conwood โดยมีความสูงจากพื้นถึงฝ้าที่จอดรถอยู่ที่ 4.4 เมตร
- ประตูรั้วบ้าน ระบบอัตโนมัติ (เปิด App ในมือถือ)
- ประตูทางเข้าหลักหน้าบ้าน เป็นประตูกระจก กรอบอะลูมิเนียมจาก Tostem
- วัสดุบานกรอบประตูหน้าต่าง : อะลูมิเนียมจาก Tostem
- วัสดุปูพื้นชั้น 1 : กระเบื้องนำเข้า ขนาด 60×60 ซม. ของแบบบ้าน The Nest และขนาด 60×120 ซม. ของแบบบ้าน The Den
- วัสดุปูพื้นชั้น 2-3 : Engineering Wood ปิดผิวด้วยไม้โอ๊ก 3 มม. ขนาด 142 x 125 x 910 มม.
- ห้องครัว และ Pantry : Built-in เคาน์เตอร์ครัวพร้อมอุปกรณ์ของ SMEG / FRANKE / Electrolux หรือเทียบเท่า
- วัสดุในห้องน้ำ : TOTO, Grohe หรือเทียบเท่า พร้อมติดตั้งฉาบกั้นอาบน้ำ Tempered Glass หนา 10 มม. และอ่างอาบน้ำ
- ระบบหม้อต้มกลางจ่ายน้ำร้อนทุกห้อง และระบบ return น้ำกลับหากอุณหภูมิลดลง เพื่อให้น้ำร้อนอยู่เสมอในระบบ
- โครงสร้างบันไดคอนกรีตเสริมเหล็ก ปิดผิวด้วยไม้จริง (ผิวไม้โอ๊ก)
- ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน
– The Nest : ชั้น 1 สูง 2.8 เมตร / Double Volume สูง 6 เมตร / ชั้น 2-3 สูง 3 เมตร
– The Den : ชั้น 1 สูง 3.9 เมตร / ชั้น 2-3 สูง 3 เมตร - ผนังฉาบเรียบทาสีขาว (บ้านตัวอย่างจะเป็น สี Texture)
- Home Automation ควบคุมผ่าน Smart Phone เช่น แอร์, ไฟ, CCTV, ประตู เป็นต้น
- ระบบรักษาการปลอดภัยในตัวบ้าน : Magnetic Sensor ชั้น 1 และ CCTV รอบบ้าน 4 จุด
- สระว่ายน้ำระบบเกลือ
– The Nest ขนาด 3×24.7 เมตร ลึก 1.2 เมตร พร้อมระบบ Jacuzzi
– The Den ขนาด 3×11 เมตร ลึก 1.2 เมตร - ลิฟต์ยี่ห้อ Aritco สำหรับแบบ The Nest และ Otis สำหรับแบบ The Den
- แอร์ Daikin ระบบ VRV ทั้งหลัง
- ไม้ยืนต้น 1-2 ต้น, พุ่มรอบรั้ว, สนามหญ้ารอบบ้าน
- ระบบไฟในโครงการ / หรือตัวบ้าน : 3 Phase กำลังไฟ 50 / 150 (ติด EV chargerให้เลย)
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ
Materials
หลังจากเลือกแปลงที่ดินและแบบบ้านที่ชอบแล้ว เราจะได้ List รายการวัสดุมาตรฐานมา ซึ่งสามารถเลือกสี ลวดลาย หรือ Upgrade วัสดุและการตกแต่งต่างๆ รวมไปถึงการขอปรับแปลน / ฟังก์ชันห้อง ให้เข้ากับการใช้งานของแต่ละครอบครัวได้เลย เพราะเป็น “บ้านสั่งสร้าง” โดย Mood &Tone ของวัสดุที่ทางโครงการเลือกใช้ จะออกไปทางโทนน้ำตาลเฉดต่างๆ, เทา, ขาว, ดำ เป็นสี Minimal ที่ทำให้บรรยากาศดูผ่อนคลายนะคะ
เราได้เก็บภาพบรรยากาศของทั้งแบบบ้าน The Den (เดอะ เด็น) และ The Nest (เดอะ เนสท์) มาให้ชมกันเลยนะคะ จะเป็นยังไง ตามอ่านกันต่อด้านล่างได้เลยค่ะ
The Den (เดอะ เด็น)
บ้านตัวอย่างหลังแรกที่เราพาไปดูจะเป็น The Den (เดอะ เด็น) บ้านเดี่ยว 3 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 133.7 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 789 ตร.ม. ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 6 ห้องน้ำ / 5 ที่จอดรถ / 2 ห้องแม่บ้าน / สระว่ายน้ำ / ลิฟต์
โดยบ้านมาตรฐานของโครงการจะเป็นบ้านเปล่าไม่มีการตกแต่งมาให้ สิ่งที่ได้คือ พื้นที่จอดรถลงเสาเข็มและปูกระเบื้องไว้ให้ มีสระว่ายน้ำและลิฟต์ที่ติดตั้งมาให้พร้อมใช้งาน ภายในบ้านปูพื้นมาให้ทั้งหมด, ผนังฉาบเรียบทาสี, พร้อมเดินระบบแอร์-น้ำ-ไฟไว้ให้ครบถ้วน, ในส่วนของ Pantry ครัวจะมีเครื่องใช้ไฟฟ้าติดตั้งมาให้บางส่วนและห้องครัวไทยจะมีเคาน์เตอร์ครัว Built-in มาให้ หากเราอยากกั้นห้องปรับฟังก์ชันใหม่ หรือ ตกแต่งเพิ่มเติมในส่วนไหนสามารถคุยกับทางโครงการได้ แต่จะเป็นส่วนที่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมนะคะ
ดังนั้นพื้นที่ภายในของบ้านตัวอย่างหลังนี้ทั้งหมดจะเป็นเพียงไอเดียให้ลูกบ้านสามารถนำไปปรับใช้กันได้ แนวคิดการออกแบบของบ้านตัวอย่าง The Den (เดอะ เด็น) นี้ก็คือ Open Plan เชื่อมต่อพื้นที่เข้าด้วยกันเป็นขนาดใหญ่ เน้นบรรยากาศโปร่งสบาย พร้อมสอดแทรกพื้นที่สีเขียว ได้บรรยากาศใกล้ชิดธรรมชาติ
The Den ชั้น 1
ชั้น 1
- ที่จอดรถ 5 คันในร่ม แยกเป็น 2 ฝั่ง แบ่งการใช้งานได้ เป็นพื้นที่จอดรถ 3 คัน ติดตั้ง EV Charger มาให้และมีทางเดินเชื่อมไปยังโซนแม่บ้าน-ซักล้าง ส่วนพื้นที่จอดรถ 2 คัน มีทางลาดรองรับวีลแชร์และห้องเก็บด้านหลัง
- โถงทางเข้าด้านหน้าบ้านมีชายคากันแดดและฝน พร้อมพื้นที่เฉลียงขนาดใหญ่ ทำเป็นมุมนั่งเล่นแบบ Semi Outdoor ได้สบาย
- พื้นที่ชั้น 1 ออกแบบเป็น Open Plan เชื่อมพื้นที่ต่อเนื่องกันทั้งหมด
- Foyer เป็นพื้นที่ต้อนรับ เหมาะทำ Built-in ตู้เก็บรองเท้าหรือตู้เก็บของ
- พื้นที่ Common Area เชื่อมพื้นที่นั่งเล่น Pantry และพื้นที่รับประทานอาหาร 2 จุด พร้อมประตูเปิดออกไปด้านหน้าบ้านและสระว่ายน้ำ
- สระว่ายน้ำภายในบ้าน สามารถเล่นน้ำ ออกกำลังกายภายในบ้านได้เลย พร้อมพื้นที่นั่งริมสระ
- ห้องน้ำรองรับการใช้งานของสระว่ายน้ำ ออกแบบมีพื้นที่อาบน้ำมาให้เรียบร้อย
- Powder Room ห้องน้ำรองรับแขกและการใช้งานบริเวณชั้น 1
- ลิฟต์โดยสารภายในบ้าน ขึ้น-ลงบ้านได้ง่าย รองรับวีลแชร์ได้ด้วย
- ห้องครัวแบบปิด ใช้เป็นครัวไทย ทำอาหารได้จริงจัง มีประตูเปิดเชื่อมไปโซนแม่บ้านและลานซักล้าง
- พื้นที่ลานซักล้าง ออกแบบมีห้องสำหรับตั้งเครื่องซักผ้า-อบผ้าเป็นสัดส่วน
- ห้องแม่บ้าน 2 ห้อง มีห้องน้ำอยู่ใกล้ๆ ใช้งานได้สะดวก
ชั้น 2
- Family Area ทำเป็นพื้นที่นั่งเล่นสำหรับครอบครัวขนาดใหญ่ พร้อมพื้นที่นั่งรับประทานอาหารได้
- ระเบียงขนาดใหญ่ ทำเป็นพื้นที่ปลูกต้นไม้สีเขียว พร้อมพื้นที่นั่งเล่นกลางแจ้ง
- ห้องนอนที่ 4 ปรับเป็น Spa Room และ Yoga Room
- Spa Room ภายในบ้าน พร้อมอุปกรณ์ครบครัน สามารถเรียกใช้บริการจากด้านนอกได้
- Yoga Room พื้นที่เล่นโยคะภายในบ้าน สามารถใช้เป็นห้องออกกำลังกายอื่นๆได้ด้วย
- ห้องนอนรองมีขนาดใหญ่ วางเตียง 6 ฟุตได้สบาย พร้อมห้องน้ำในตัวขนาดใหญ่ พร้อมอ่างอาบน้ำให้แช่น้ำผ่อนคลาย
- ห้องน้ำของห้องนอนรอง มีพื้นที่แต่งตัวอยู่ในบริเวณเดียวกัน ใช้งานได้ต่อเนื่อง
- ระเบียงของห้องนอนรอง มีขนาดใหญ่ นอกจากวางต้นไม้ได้แล้ว ยังมีประตูเปิดเชื่อมไปยังอ่างอาบน้ำในห้องน้ำได้
ชั้น 3
- เน้นพื้นที่พักผ่อนและความเป็นส่วนตัว มีห้องนอนเพียง 2 ห้อง
- Master Bedroom มีพื้นที่ขนาดใหญ่ครึ่งนึงของชั้น 3
- Master Bedroom วางเตียง 6 ฟุต, พื้นที่นั่งเล่น, พื้นที่ทำงานและมุมอ่านหนังสือภายในห้องได้สบายๆ มีพื้นที่ภายในห้องเหลือเยอะ
- ระเบียงส่วนตัวของ Master Bedroom มีขนาดใหญ่ พร้อมระแนงพรางสายตาและแสงแดดที่เลื่อนเปิด-ปิดได้ตามการใช้งาน
- Master Bathroom ขนาดใหญ่ พร้อมพื้นที่แต่งตัวและอ่างอาบน้ำภายในห้อง
- ห้องนอนรอง เน้นพื้นที่บริเวณเตียงนอนขนาดใหญ่ วางเตียง 6 ฟุตหรือเตียงเดี่ยว 2 เตียงได้สบาย พร้อมห้องน้ำในตัวใช้งานสะดวก
- ห้องน้ำของห้องนอนรองนี้จะมีพื้นที่แต่งตัวอยู่ในบริเวณเดียวกันเหมือนห้องน้ำอื่นๆ ส่วนพื้นที่แต่งตัวจะไม่ได้มีขนาดใหญ่มาก เหมาะกับคนที่ไม่ได้มีเสื้อผ้าเยอะ
- ระเบียงส่วนตัวของห้องนอนรอง มายืนรับลมชมวิวได้ พร้อมปลูกต้นไม้เป็นวิวสีเขียวให้ภายในห้อง
แบบบ้าน The Den (เดอะ เด็น) ออกแบบในสไตล์ Modern Minimal ทำให้เป็นบ้านรูปทรงสี่เหลี่ยม แต่มีการออกแบบยื่นชายคาออกมาเยอะ ประกอบกับการใช้ระแนงบังแดดทั้งแนวตั้งและนอน รวมถึงระแนงตรงชั้น 3 ที่สามารถเลื่อนเปิด-ปิดได้ จึงทำให้ได้ในเรื่องความเป็นส่วนตัวด้วยนั่นเอง ส่วนโทนสีภาพรวมของแบบบ้านนี้จะเป็นสีขาว-ไม้ ดูอบอุ่น สบายตา พร้อมออกแบบระเบียงส่วนตัวในทุกชั้น โดยเฉพาะชั้น 2 ที่มีพื้นที่ Outdoor ขนาดใหญ่ ทำเป็นมุมปาร์ตี้ได้สบายๆค่ะ
สำหรับโครงสร้างบ้านจะเป็นแบบ Conventional ก่ออิฐมวลเบา จึงรองรับการทุบต่อเติมในอนาคตได้ อย่างเวลาต้องการห้องออกกำลังกายหรือห้องสัตว์เลี้ยงเพิ่มก็สามารถปรับเปลี่ยนได้เลย ไม่กระทบกับโครงสร้างหลักของตัวบ้าน
นอกจากนั้นยังออกแบบเป็นพื้นระบบ Post Tension หรือได้เป็นพื้นเรียบไร้คาน มีจุดเด่นที่ระยะห่างระหว่างเสา (Span) ที่มากกว่าระบบเสา-คานทั่วไป จึงได้พื้นที่ใช้สอยระหว่างเสาที่มากขึ้น มีเหลี่ยมมุมเสาที่น้อยลง จัดวางเฟอร์นิเจอร์ได้ลงตัวมากขึ้น อีกทั้งพอไม่มีคานก็จะได้ความหนาของพื้นที่ลดลง จึงได้ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานที่มากขึ้นด้วยค่ะ แต่ข้อสังเกตของระบบพื้นนี้คือพอไม่มีคานรับน้ำหนักแล้ว ก็จะทำให้เสาทำหน้าที่รับน้ำหนักสู่ฐานรากเท่านั้น จึงทำให้เสาภายในบ้านจะมีขนาดใหญ่นั่นเอง
บริเวณด้านหน้าบ้าน
เรามาเริ่มกันที่ด้านหน้าบ้านกันเลย โดยทางโครงการจะติดตั้งประตูรั้วบ้านเป็นแบบระบบอัตโนมัติ สามารถควบคุม-สั่งการผ่าน App ในมือถือ จึงใช้งานได้สะดวกสบาย ซึ่งทางโครงการจะมีจัดสวนตามมาตรฐานอย่างลงต้นไม้ยืนต้น 1-2 ต้น, พุ่มรอบรั้ว, สนามหญ้ารอบบ้านมาให้เรียบร้อยค่ะ แต่เราก็สามารถจัดสวนเพิ่มเติมตามที่เราต้องการหรือพูดคุยปรึกษากับทางโครงการได้เช่นกัน
สำหรับพื้นที่จอดรถจะออกแบบแยกเป็น 2 ฝั่ง โดยมีพื้นที่ตรงกลางเหมาะทำเป็นพื้นที่สวนสีเขียวปลูกต้นไม้ทรงสูงเหมือนอย่างบ้านตัวอย่างได้เลย ก็ทำให้นอกจากจะได้วิวสวนสีเขียวแล้ว ยังช่วยพรางสายตาจากด้านนอก ทำให้ได้ความเป็นส่วนตัวภายในบ้านเพิ่มขึ้นค่ะ นอกจากนั้นยังติดตั้งระบบความปลอดภัยทั้ง Magnetic Sensor ชั้น 1 และ CCTV รอบบ้านมาให้ทั้งหมด 4 จุดด้วย
พื้นที่จอดรถ 3 คัน
ทางโครงการออกแบบพื้นที่จอดรถแยกเป็น 2 โซน โดยโซนแรกจะมีขนาดประมาณ 6.90×7.65 เมตร สามารถจอดรถได้ 3 คันและทางโครงการได้ติดตั้ง EV Charger รับเทรนด์สมัยใหม่ที่คนนิยมหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้ากันมากขึ้นด้วยนะคะ จึงไม่ต้องวุ่นวายไปติดตั้งเองเลยค่ะ
บริเวณพื้นที่จอดรถนี้จะลงเสาเข็มความลึก 21 เมตร เท่าตัวบ้าน ปูพื้นด้วยกระเบื้อง ดูแลทำความสะอาดได้ง่าย พร้อมกรุผนังเป็นไม้เทียมและฝ้าเพดานเป็น Conwood โดยมีความสูงจากพื้นถึงฝ้าที่จอดรถอยู่ที่ 4.4 เมตร ทำให้เราสามารถทำเป็น Stacked Parking จอดรถเพิ่มได้อีกเท่าตัวเลย
นอกจากนั้นพื้นที่จอดรถโซนนี้จะมีทางเดินเชื่อมไปยังโซน Service อย่างห้องแม่บ้านและห้องครัว จึงทำให้สามารถยกของกินของใช้ลงจากรถยนต์ไปยังโซนแม่บ้านและห้องครัวได้ง่ายๆนั่นเอง
พื้นที่จอดรถ 2 คัน
สำหรับพื้นที่จอดรถอีกโซนนึง จะมีขนาดประมาณ 4.65×5.00 เมตร สามารถจอดรถได้ 2 คัน สามารถใช้เป็นพื้นที่จอดรถของครอบครัวหรือไว้สำหรับรองรับรถของแขกที่มาเยี่ยมก็ได้นะ เพราะเวลาจอดรถตรงนี้จะมองเห็นสระว่ายน้ำที่อยู่ด้านหลังและได้วิวสวนสีเขียวด้านหน้าบ้าน ก็จะสร้างความประทับใจให้กับแขกหรือเพื่อนๆที่มาเยี่ยมได้ดีเลย
โดยทั้งการออกแบบ โครงสร้างและการเลือกใช้วัสดุต่างๆของบริเวณนี้จะเหมือนพื้นที่จอดรถโซนก่อนหน้านี้เลย มีการลงเสาเข็มความลึก 21 เมตร เท่าตัวบ้าน ปูพื้นด้วยกระเบื้อง พร้อมกรุผนังเป็นไม้เทียมและฝ้าเพดานเป็น Conwood มีความสูงจากพื้นถึงฝ้าที่จอดรถอยู่ที่ 4.4 เมตร จึงสามารถทำเป็น Stacked Parking ได้ แต่สำหรับพื้นที่ด้านหลังของพื้นที่จอดรถนี้จะเป็นสระว่ายน้ำ ทำให้เราสามารถทำเป็นห้องเครื่องสำหรับงานระบบสระว่ายน้ำและตู้เก็บอุปกรณ์ทั้งรถยนต์-ทำสวนเหมือนที่ทางบ้านตัวอย่างทำให้ดูเป็นไอเดียพร้อมกรุไม้เทียมได้ด้วย
นอกจากนั้นยังมีทำเป็นทางลาดเล็กๆมีความกว้างประมาณ 1.10 เมตร เพื่อรองรับการใช้งานวีลแชร์สำหรับครอบครัวที่มีคุณปู่-คุณย่าอาศัยอยู่ด้วย รวมถึงยังสะดวกเวลาเข็นกระเป๋าเดินทางหรือรถเข็นเด็กเพื่อเข้าบ้านด้วยนะคะ
ประตูทางเข้าบ้าน
ประตูทางเข้าบ้านจะเป็นประตูกระจก กรอบอะลูมิเนียมจาก Tostem โดยจะมีหลังคายาวตลอดแนวทางเดินจากด้านหน้าบ้านมายังประตูทางเข้าบ้าน จึงช่วยบังแดด-ฝนได้ดี และถึงแม้จะเลือกประตูเป็นบานกระจกขนาดใหญ่ พร้อมมีกระจกเข้ามุมด้วย แต่ทางโครงการออกแบบยื่นชายคาออกมาเยอะ แสงแดดไม่ได้ส่องเข้าบ้านโดยตรง จึงทำให้ยังได้ความสว่าง แต่ไม่ร้อนค่ะ
Terrace ด้านหน้าบ้านจะเป็นรูปตัว L เชื่อมจากประตูทางเข้าบ้านไปเป็นพื้นที่ริมสระว่ายน้ำที่อยู่ด้านข้างบ้านนั่นเอง โดย Terrace บริเวณประตูทางเข้าบ้านนี้จะมีขนาด 2.20×11.00 เมตร จึงสามารถเข็นวีลแชร์ของคุณปู่-คุณย่าไปยังพื้นที่จอดรถ สระว่ายน้ำหรือนั่งชมสวนด้านหน้าบ้านได้
Foyer
เมื่อเข้ามาภายในบ้านจะเจอกับ Foyer ขนาด 2.35×4.00 เมตร เหมาะทำ Built-in ตู้เก็บรองเท้าเหมือนที่บ้านตัวอย่างได้ตกแต่งให้ดูเป็นไอเดียได้เลยนะคะ เพราะสามารถใช้งานได้ง่ายดี หากเป็นเราอาจจะเว้นพื้นที่บางส่วนทำเป็นเก้าอี้นั่งใส่รองเท้านะ นอกจากนั้นยังตั้งโต๊ะวางของโชว์พร้อมแขวนโคมไฟเก๋ๆเหมือนบ้านตัวอย่างก็ดีเหมือนกัน ช่วยสร้างความประทับใจแรกเมื่อก้าวเข้ามาในบ้านได้ดีค่ะ
Common Area
จุดเด่นของแบบบ้านนี้ คือ การออกแบบ Open Plan ซึ่งเป็นการเชื่อมพื้นที่เข้าด้วยกันเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ เปิดโล่งและไม่มีผนังกั้นแบ่ง มีข้อดีในเรื่องบรรยากาศที่โปร่งโล่ง พื้นที่ดูกว้างและใช้งานได้ต่อเนื่องกัน
ทางโครงการออกแบบชั้น 1 เป็นพื้นที่ Open Plan เชื่อม Foyer, พื้นที่นั่งเล่น, พื้นที่รับประทานอาหาร 2 จุดและ Pantry ถึงแม้จะมีทำ Built-in ตู้เก็บของกั้นส่วน Foyer เพียงเล็กน้อย แต่ก็ยังได้พื้นที่เปิดโล่งอยู่ พร้อมความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานสูงถึง 3.90 เมตร มากกว่าโครงการบ้านหรูที่เราเคยไปรีวิวมาที่มักจะมีความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานอยู่ที่ 3 เมตร ทำให้บรรยากาศภายในบ้านนี้โปร่งสบายมากๆ เหมือนอยู่ในโรงแรมเลยค่ะ
สำหรับวัสดุปูพื้นชั้น 1 เป็นกระเบื้องนำเข้า ขนาด 60×120 ซม. ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐานของโครงการบ้านหรูส่วนใหญ่นะที่จะใช้แผ่นกระเบื้องขนาดใหญ่แบบนี้ ทำให้บรรยากาศภายในบ้านนี้ดูกว้างมากๆ อีกทั้งยังเลือกเป็นสีขาวก็ยิ่งทำให้ดูสว่าง สบายตามากๆค่ะ ส่วนเพดานติดตั้งไฟ LED แบบดาวน์ไลท์และผนังภายในบ้านจะฉาบเรียบทาสีขาว แต่บ้านตัวอย่างจะทาสีผนังเป็น Texture ก็ทำให้ดูมีมิติและลูกเล่นดี รวมถึงมี Home Automation ควบคุมผ่าน Smart Phone เช่น แอร์, ไฟ, CCTV, ประตู เป็นต้น
ระบบแอร์ของโครงการนี้จะเลือกใช้จาก Daikin เป็นแบบ VRV ทั้งหลัง โดยเชื่อมต่อเครื่องปรับอากาศภายในบ้านได้หลายจุดและหลายชั้นจาก Condensing Unit เพียงชุดเดียว ซึ่งเป็นระบบแอร์ที่มักจะใช้ในพวกห้าง, ออฟฟิศหรือโรงแรมที่มักจะเปิดแอร์หลายตัว เปิดทั้งวันและใช้งานเป็นประจำ ข้อดีของระบบแอร์ VRV คือ ประหยัดไฟและประหยัดพื้นที่ตั้ง Condensing Unit จึงไม่กินพื้นที่สวนรอบบ้านมากนัก ซึ่งบ้านในโครงการส่วนใหญ่จะให้แอร์ระบบ VRV เป็นบางห้อง ไม่ได้ให้ทั้งหลังแบบโครงการนี้นะคะ แต่มีข้อแนะนำที่ต้องดูแลรักษาตรวจเช็กเป็นประจำ เพราะหากเครื่องมีปัญหาจะทำให้ไม่สามารถทำความเย็นได้หลายจุดพร้อมกันค่ะ
การออกแบบและเลือกใช้วัสดุหลายๆอย่างในโครงการนี้จะแตกต่างกับโครงการบ้านอื่นๆที่เราเคยไปเจอมา เพราะดีไซน์บ้านที่ได้ Vibe เหมือนอยู่รีสอร์ตหรือโรงแรมในหลายๆจุดเลย รวมไปถึงการตกแต่งภายในบ้านอย่างการเลือกมู่ลี่บังแสงแดด ระแนงไม้ ประตู Oversize รวมถึงกระจกเข้ามุม ก็ยิ่งทำให้ตรงตามความตั้งใจของทางโครงการที่ออกแบบให้บ้านเป็นพื้นที่เพื่อการพักผ่อนจริงๆนั่นเอง
พื้นที่นั่งเล่น
ต่อมาเราพามาดูพื้นที่นั่งเล่นกัน มีขนาดประมาณ 4.65×5.85 เมตร สามารถตกแต่งเหมือนบ้านตัวอย่างได้เลย ตั้งโซฟาและเก้าอี้ล้อมรอบโต๊ะกลางรวม 9-10 ที่นั่งได้สบายๆ จึงใช้เป็นพื้นที่นั่งเล่นในครอบครัว รองรับแขกหรือจัดปาร์ตี้กับกลุ่มเพื่อนได้สบาย ส่วนด้านข้างก็เป็นหน้าต่างขนาดใหญ่เต็มผนังห้องที่นอกจากจะเปิดรับแสงธรรมชาติแล้ว ยังเปิดรับวิวด้านหน้าบ้านและวิวสระว่ายน้ำด้านข้างบ้านด้วยค่ะ
พื้นที่นั่งรับประทานอาหาร
บริเวณด้านหลังของพื้นที่นั่งเล่นจะมีพื้นที่ให้ตั้งโต๊ะยาวรองรับ 6 ที่นั่งได้สบายๆ จึงใช้เป็นพื้นที่นั่งรับประทานอาหารกับกลุ่มแขกหรือเพื่อนๆ ได้วิวด้านนอกทั้ง 2 ฝั่ง จึงนั่งคุยกันไปพร้อมชมวิวได้เพลินๆ หรือจะใช้เป็นพื้นที่นั่งทำงานหรืออ่านหนังสือกับลูกๆก็ได้ค่ะ
สระว่ายน้ำ
เราสามารถเดินเชื่อมจากพื้นที่ภายในบ้านออกมายังพื้นที่สระว่ายน้ำด้านข้างบ้านได้ โดยจะมีประตูกระจกให้เปิดเชื่อมต่อพื้นที่ภายในและภายนอก โดยมีพื้นที่ริมสระว่ายน้ำขนาดอยู่ที่ 2.00×12.00 เมตร จึงตั้งเป็น Pool Bed นั่งพักผ่อนริมสระเหมือนบ้านตัวอย่างได้ รวมถึงยังจัดเป็นปาร์ตี้ริมสระว่ายน้ำได้ด้วยนะ
สำหรับสระว่ายน้ำภายในบ้านเป็นสระระบบเกลือ ขนาด 3×11 เมตร ลึก 1.2 เมตร ถือว่าสามารถว่ายน้ำได้จริงนะ เพราะส่วนใหญ่ที่เราเจอบ้าน Pool Villa มักจะเป็นสระขนาดไม่ใหญ่มาก เน้นเป็นพื้นที่มาแช่น้ำผ่อนคลายมากกว่า แต่พอโครงการนี้ให้สระว่ายน้ำมาใหญ่แบบนี้ เราจึงว่ายน้ำ ออกกำลังกายได้จริงจังเลยนั่นเอง นอกจากนั้นเราสามารถติดตั้งระบบ Jacuzzi เพิ่มได้นะคะ จะได้มานั่งแช่น้ำผ่อนคลายกันได้ด้วย
ห้องน้ำและประตูเชื่อมกับสระว่ายน้ำ
จากสระว่ายน้ำจะมีประตูกระจกเปิดเข้ามาภายในบ้าน จะเจอเป็นพื้นที่เล็กๆเป็นทางเดินเชื่อมไปยังห้องน้ำที่ออกแบบมารองรับการใช้งานสระว่ายน้ำโดยเฉพาะเลย เพราะเวลาว่ายน้ำเสร็จแล้วก็เดินมายังห้องน้ำ อาบน้ำล้างตัวได้ง่ายเลย พื้นที่อื่นๆภายในบ้านก็จะได้ไม่เลอะหรือเปียกน้ำด้วย ซึ่งพื้นที่นี้จะอยู่ใกล้ๆกับพื้นที่นั่งเล่นด้วยนะ ทำให้เวลาเรานั่งเล่นอยู่บริเวณนี้ก็มาใช้งานห้องน้ำนี้ได้สะดวกดีเหมือนกัน
ห้องน้ำ
ห้องน้ำนี้มีขนาด 2.45×4.55 เมตร ออกแบบมารองรับการใช้งานตรงสระว่ายน้ำ เพราะมีโซนพื้นที่อาบน้ำขนาด 1.20×1.50 เมตรมาให้เรียบร้อย วัสดุในห้องน้ำเลือกใช้เป็น TOTO, Grohe หรือเทียบเท่า พร้อมติดตั้งฉาบกั้นอาบน้ำ Tempered Glass หนา 10 มม.
ที่เราชอบคือด้านข้างของห้องน้ำจะเป็นบานกระจกขนาดใหญ่ที่มองออกไปได้วิวต้นไม้สีเขียวด้านหลังบ้าน ถือเป็นการออกแบบที่ทางโครงการตั้งใจให้บ้านหลังนี้จะมองมุมไหนก็เจอพื้นที่สีเขียว แถมในห้องน้ำนี้ยังได้ความสูงจากพื้นถึงเพดาน 3.90 เมตรเท่ากับบริเวณอื่นๆของชั้น 1 ด้วยค่ะ
พื้นที่รับประทานอาหารและ Pantry
ต่อมาเราพามาดูพื้นที่รับประทานอาหารอีกจุดและ Pantry กัน มีขนาด 3.40×5.85 เมตร สำหรับเรามองว่าเหมาะเป็นพื้นที่รับประทานอาหารของคนในครอบครัว เพราะอยู่ใกล้ๆกับ Pantry และห้องครัว จึงจัดเสิร์ฟอาหารได้ง่าย
บริเวณพื้นที่รับประทานอาหารนี้สามารถจัดโต๊ะพร้อมที่นั่งได้มากถึง 8 คนเหมือนบ้านตัวอย่าง มีทางเดินรอบโต๊ะกว้าง จึงเดินผ่านได้สบาย
Pantry
Pantry ของโครงการจะมีขนาด 2.50×4.50 เมตร โดย Built-in เคาน์เตอร์ครัว พร้อมติดตั้งอุปกรณ์ของ SMEG / FRANKE / Electrolux หรือเทียบเท่ามาให้ เราจึงใช้ทำอาหารฝรั่งหรือเตรียมอาหารง่ายๆได้ แต่เราก็สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามการใช้งานเลยนะ รวมถึง Built-in ตู้เก็บของต่างๆและมี Island เป็นพื้นที่ประกอบอาหาร มีพื้นที่ยืนทำอาหารกว้างประมาณ 1 เมตร พร้อมเก้าอี้นั่งแบบ Stool ส่วนด้านข้างของ Pantry จะมีประตูเปิดเชื่อมต่อไปยังห้องครัวและโซนแม่บ้านก็ทำให้ใช้งานได้ต่อเนื่องกันดี
ห้องครัวแบบปิด
ห้องครัวของโครงการจะออกแบบเป็นห้องครัวแบบปิดขนาด 2.50×3.75 เมตร ใช้เป็นครัวไทย ทำอาหารจริงจังได้ เพราะมีทั้งหน้าต่างและประตูเปิดออกไปยังโซนแม่บ้าน เพื่อช่วยระบายอากาศ จึงไม่ต้องกังวลเรื่องกลิ่นหรือควันจากการทำอาหารจะลอยเข้าไปภายในบ้านนั่นเอง
โดยจะมี Built-in เคาน์เตอร์ครัวและตู้เก็บของ พร้อมติดตั้งอุปกรณ์ของ SMEG / FRANKE / Electrolux หรือเทียบเท่ามาให้เรียบร้อยเลย รวมถึงเว้นพื้นที่สำหรับตั้งตู้เย็นไว้ให้ด้วยค่ะ แต่อย่างที่เราได้บอกไปนะว่าโครงการนี้เป็นบ้านสั่งสร้าง เราจึงปรึกษากับทางโครงการ เพื่อออกแบบร่วมกันและปรับตามการใช้งานได้เลย
โซนแม่บ้านและพื้นที่ซักล้าง
ถัดจากห้องครัวออกมาจะเป็นโซนแม่บ้านและพื้นที่ซักล้าง มีขนาดประมาณ 3.55×8.00 เมตร โดยจะมีห้องแม่บ้าน 2 ห้องและห้องน้ำแม่บ้านอยู่ใกล้ๆให้ใช้งานได้สะดวก ซึ่งจากโซนแม่บ้านนี้จะเชื่อมไปยังห้องครัวและพื้นที่จอดรถด้วย ทำให้เวลาซื้อของต่างๆ ก็ยกของจากท้ายรถยนต์นำเข้าไปในห้องครัวจากทางนี้ได้เลย ไม่ต้องเดินผ่านเข้าไปในบ้าน ถือเป็นการออกแบบที่ช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวภายในบ้านนั่นเอง
สำหรับพื้นที่ลานซักล้างจะมีการลงเสาเข็มความลึก 21 เมตร เท่าตัวบ้าน พร้อมปูพื้นด้วยกระเบื้อง จึงดูแลทำความสะอาดได้ง่าย นอกจากนั้นทางโครงการยังทำเป็นห้องสำหรับพื้นที่ตั้งเครื่องซักผ้าและเครื่องอบผ้า พร้อมบานประตูแบบบานเกล็ด ช่วยป้องกันแสงแดดและฝน อีกทั้งยังทำให้ดูเรียบร้อยดีด้วยค่ะ
โซนลิฟต์ บันไดและ Powder Room
เราพากลับเข้ามาด้านในบ้านกันนะคะ โดยบริเวณด้านข้างของ Pantry จะเป็นโซนลิฟต์ บันไดและ Powder Room นั่นเอง มีขนาดประมาณ 2.20×2.75 เมตร โดยเราจะขอพาไปดู Powder Room กันก่อนนะคะ
Powder Room
Powder Room เป็นห้องน้ำสำหรับรองรับแขกหรือเวลาที่ลูกบ้านใช้งานอยู่บริเวณ Common Area อีกทั้งเป็นฟังก์ชันที่ต้องการความเป็นส่วนตัวในการใช้งาน จึงออกแบบไปซ่อนไว้ใกล้ๆโซนบันไดและลิฟต์นั่นเอง
Powder Room เป็นห้องน้ำที่ไม่มีพื้นที่อาบน้ำ มีขนาดห้องประมาณ 1.65×2.90 เมตร เลือกติดตั้งสุขภัณฑ์ภายในห้องน้ำจาก TOTO, Grohe หรือเทียบเท่า เราชอบการออกแบบห้องน้ำนี้หลายส่วนนะ อย่าง Low Wall ที่ทางโครงการก่อผนังด้านหลังอ่างล้างมือและโถสุขภัณฑ์เป็นแนวยาว จึงสามารถวางของตกแต่งได้เยอะดี รวมถึงออกแบบช่องกระจกเชื่อมไปเป็น Skylight ก็ช่วยดึงแสงธรรมชาติเข้ามาได้ดี พร้อมติดตั้งหน้าต่างเล็กๆ เปิดระบายอากาศได้ด้วย แต่เราแนะนำให้ติดตั้งพัดลมดูดอากาศเพิ่มนะคะ ก็จะช่วยระบายความชื้นภายในห้องได้ดียิ่งขึ้น
ลิฟต์ภายในบ้าน
ด้วยตัวบ้านที่มี 3 ชั้น หลายๆคนก็ไม่อยากเดินขึ้น-ลงบ่อยๆหรือมีคุณปู่ คุณย่าอยู่อาศัยอยู่ด้วย ทางโครงการจึงติดตั้งลิฟต์ภายในบ้านมาให้เลย โดยลิฟต์ของบ้านตัวอย่างหลังนี้เลือกใช้เป็น Otis ระบบสลิง ทำให้ยืนรอลิฟต์ไม่นาน สามารถขึ้นได้ 4 คน น้ำหนักรวม 320 กก. อีกทั้งยังรองรับวีลแชร์ได้ด้วยนะ
แต่ใครอยากได้ลิฟต์กระจกสวยๆ ทางโครงการก็มีลิฟต์ระบบสกรูของ Aligo จากสวีเดน รองรับได้ 5 คน รวม 400 กก. ให้เลือกได้ด้วยนะ โดยชมภาพบรรยากาศจริงของลิฟต์ได้ในแบบบ้าน The Nest ตรง Part ด้านล่างเลยค่ะ
บันได
บันไดของโครงการจะมีโครงสร้างเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก ทำให้ไม่เกิดเสียงดังเวลาเดินขึ้น-ลงบันได และปิดผิวด้วยไม้จริง (ผิวไม้โอ๊ก) มีความกว้างบันไดประมาณ 1.10 เมตร ลูกนอนกว้างประมาณ 26 ซม. ลูกตั้งสูง 17 ซม. พร้อมช่องหน้าต่างเพื่อดึงแสงธรรมชาติเข้ามาภายในโถงบันไดไม่มืดทึบ
เราจะเห็นได้ชัดจากภาพด้านบนนี้ว่าทางโครงการเลือกกรุตรงโซนบันไดเป็นลายไม้ทั้งหมดเลย นอกจากจะได้ในเรื่องความสวยงามแล้ว ยังได้ในเรื่องพื้นที่ไหลต่อเนื่องกันตั้งแต่ชั้น 1 ไปจนถึงชั้น 3 รวมถึงเราชอบการออกแบบโซนบันได เพราะเป็นเทคนิคการแบ่งโซนได้ชัดเจนแบบไม่ต้องกั้นประตูหรือผนัง เพียงแค่เลือกเปลี่ยนวัสดุจากสีขาวเป็นลายไม้ก็ทำให้เรารับรู้ได้ทันทีว่านี่คืออีกโซนแล้วนะ อีกทั้งยังได้บรรยากาศเปิดโล่ง เพราะไม่มีประตูหรือผนังกั้นแบ่งพื้นที่นั่นเอง
โซนลิฟต์ชั้น 2
เมื่อขึ้นมาชั้น 2 บริเวณด้านหน้าของลิฟต์และบันไดจะมีพื้นที่ให้ตั้งชั้นวางของได้ จะวางเป็นของโชว์หรือพวกที่วางบัตรหรือกุญแจต่างๆให้หยิบใช้งานได้ง่ายก็ดีเหมือนกัน โดยจะมีโถงทางเดินกว้าง 1.65 เมตร เชื่อมไปยัง Family Area และห้องนอนทั้ง 2 ห้องค่ะ
Built-in ตู้เก็บของด้านข้างโถงทางเดิน
บริเวณด้านข้างของโถงทางเดินนี้ก็สามารถทำ Built-in เป็นตู้เก็บของลายไม้เหมือนบ้านตัวอย่างได้เลยนะ ทำให้เก็บของได้เป็นระเบียบเรียบร้อยดี อีกทั้งยังมีอ่างล้างมือให้ใช้งานได้ง่ายๆด้วย ถ้าเป็นเราจะตั้งเป็นตู้เย็นกับพวกชั้นวางขนมต่างๆเอาไว้กินเล่นเพลินๆตอนนั่งดูทีวีตรงชั้น 2 ได้เลย เสร็จแล้วก็มาล้างมือได้ง่ายด้วย
Family Area และพื้นที่รับประทานอาหาร
อย่างที่เราได้บอกไปนะคะว่าแบบบ้านหลังนี้จะเน้นพื้นที่เชื่อมต่อกันขนาดใหญ่แบบ Open Plan พร้อมบรรยากาศใกล้ชิดธรรมชาติ จึงทำให้ออกแบบเป็น Family Area และพื้นที่รับประทานอาหารอยู่บริเวณเดียวกันเลย มีขนาด 4.60×9.70 เมตร ส่วนด้านข้างก็เป็นหน้าต่างกระจกยาวตลอดแนวผนัง มองออกไปได้วิวต้นไม้สีเขียวที่ระเบียงทุกมุมค่ะ
สำหรับพื้นชั้น 2 จะเปลี่ยนวัสดุปูพื้นเป็น Engineering Wood ปิดผิวด้วยไม้โอ๊ก 3 มม. ขนาด 142 x 125 x 910 มม. ทำให้ได้ความรู้สึกผ่อนคลายและอบอุ่นเหมาะแก่การพักผ่อนมากขึ้น มีความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานน้อยกว่าชั้น 1 อยู่ที่ 3.00 เมตร แต่ก็ถือเป็นความสูงมาตรฐานของโครงการบ้านหรูนะคะ
Family Area
Family Area จะมีขนาด 4.60×5.00 เมตร สามารถตั้งโซฟาเป็นตัว L เหมือนที่บ้านตัวอย่างตกแต่งให้ดูเป็นไอเดียได้เลย มีพื้นที่ตั้งชั้นวางทีวีและโต๊ะกลางด้วย ส่วนช่องแสงก็มี 2 ฝั่ง เปิดรับแสงและวิวสีเขียว ทำให้บรรยากาศของบริเวณนี้มีความเป็นกันเองและผ่อนคลาย เหมาะเป็นพื้นที่นั่งเล่นของคนในครอบครัวได้มาใช้เวลาร่วมกัน
พื้นที่รับประทานอาหาร
ด้านข้างของ Family Area จะเป็นพื้นที่รับประทานอาหารขนาด 3.95×4.60 เมตร ทำให้เราสามารถเปลี่ยนบรรยากาศมานั่งรับประทานอาหารบริเวณนี้ได้ หรือสั่งอาหารมาปาร์ตี้กับครอบครัว รวมถึงยังใช้เป็นพื้นที่นั่งทำงาน นั่งทำการบ้านหรืออ่านหนังสือได้ด้วยค่ะ
ทางโครงการได้ออกแบบมีระเบียงในทุกชั้นเลยนะ โดยเฉพาะชั้น 2 จะมีระเบียงเป็นตัว L และมีพื้นที่นั่งเล่นกลางแจ้งขนาดใหญ่ พร้อมปลูกต้นไม้สีเขียวตามแนวระเบียงเลย ซึ่งทำให้เวลานั่งเล่นอยู่ตรง Family Area ก็สามารถเดินออกมาตรงระเบียงได้ อีกทั้งยังทำให้ไม่ว่าจะอยู่ตรงไหนของชั้น 2 ก็จะได้วิวสีเขียวของต้นไม้ เพิ่มบรรยากาศใกล้ชิดธรรมชาติมากขึ้นด้วย
ระเบียงชั้น 2 (ด้านหน้าบ้าน)
ระเบียงด้านข้างของ Family Area จะเป็นรูปตัว L พร้อมราวกันตกเป็นกระจก ดูสวยงาม โดยฝั่งด้านหน้าบ้านจะมีขนาด 1.40×11.10 เมตร ออกแบบยื่นชายคาออกมาเยอะ ประกอบกับระแนงแนวนอน จึงช่วยบังแดดไม่ให้ส่องเข้ามาภายในบ้านได้โดยตรง เนื่องจากบ้านตัวอย่างจะหันหน้าไปทางทิศใต้ แสงแดดจะส่องลงมาจากด้านบน ทำให้การเลือกระแนงแนวนอนก็จะช่วยป้องกันแสงแดดได้ดี เรามองว่าโครงการออกแบบมาใส่ใจและคำนึงถึงบริบทโดยรอบได้ดีมากๆเลยค่ะ
ส่วนระเบียงด้านข้างจะมีขนาดประมาณ 1.65×7.60 เมตร ซึ่งมีกั้นพื้นที่ด้านหลังบ้านเป็นกำแพงขึ้นมาให้เราสามารถใช้เป็นพื้นที่ Service อย่างตั้งเครื่องซักผ้าและอบผ้าได้เลยนะ ก็ทำให้ใช้งานได้ง่ายดี ไม่ต้องเดินยกเสื้อผ้าเอาไปซักที่ชั้น 1 อย่างเดียว นอกจากนั้นพื้นที่ระเบียงนี้จะเชื่อมไปยังพื้นที่นั่งเล่นกลางแจ้งขนาดใหญ่ด้วยนะคะ งั้นเราพาไปดูกันต่อเลย
ทางโครงการมีออกแบบเป็นพื้นที่นั่งเล่นกลางแจ้งขนาดใหญ่อยู่ฝั่งด้านหน้าบ้าน พร้อมปลูกต้นไม้โดยรอบให้ได้ฟีลนั่งเล่นอยู่ในสวน ซึ่งจริงๆเราก็สามารถต่อเติมหลังคาเพื่อปรับเป็นพื้นที่นั่งเล่นแบบ Semi Outdoor ได้เหมือนกัน ก็จะช่วยให้สามารถใช้งานได้ทั้งวัน ไม่ต้องกังวลเรื่องแดดร้อนค่ะ
พื้นที่นั่งเล่นกลางแจ้ง ชั้น 2
พื้นที่นั่งเล่นกลางแจ้งนี้มีขนาดประมาณ 4.40×7.35 เมตร สามารถตั้งชุดโต๊ะและเก้าอี้เหมือนบ้านตัวอย่างได้เลย เหมาะให้มาเปลี่ยนบรรยากาศการนั่งเล่น อีกทั้งยังเป็นมุมไว้จัดปาร์ตี้ ทำ BBQ ปิ้งย่างต่างๆได้ด้วยนะ แต่อาจจะเลือกเป็นชุดเฟอร์นิเจอร์สำหรับใช้ภายนอกโดยเฉพาะ จะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องแดดและฝน
ส่วนด้านข้างจะมีพื้นที่ให้ตั้งกระถางต้นไม้ขนาดใหญ่ได้ นอกจากเพิ่มวิวสีเขียวแล้ว เวลาต้นไม้นี้โตเต็มที่ก็ช่วยเป็นร่มเงาให้สามารถนั่งใช้งานตรงบริเวณนี้ได้นานขึ้นค่ะ
จากระเบียง มองเห็นสระชั้น 1
จากระเบียงชั้น 2 จะสามารถมองลงไปเห็นพื้นที่สระว่ายน้ำตรงบริเวณชั้น 1 เหมือนภาพด้านบนนี้ด้วยนะคะ
ห้องนอน 4 ปรับเป็นห้องสปาและออกกำลังกาย
ต่อมาเราจะพาไปดูห้องนอนกัน ซึ่งจริงๆแล้วแบบบ้านหลังนี้จะมีทั้งหมด 4 ห้องนอนด้วยกัน แต่ทางบ้านตัวอย่างได้ปรับห้องนอนที่ 4 เป็น Spa Room และ Yoga Room แทน เพื่อเป็นไอเดียให้เราสามารถนำไปใช้กันได้ โดยเฉพาะครอบครัวที่มีจำนวนสมาชิกในบ้านไม่เยอะ แล้วอยากได้พื้นที่อื่นๆเพิ่มค่ะ
หากใครมีสมาชิกในบ้านเยอะก็สามารถกั้นห้องนอนเพิ่มมากกว่า 4 ห้องได้ด้วยนะ หรือจะปรับ Family Area เป็นพื้นที่ส่วนนึงของห้องนอนไปเลยก็ได้เหมือนกัน ทำให้ได้ห้องนอนขนาดใหญ่เหมือน Master Bedroom เลยนั่นเอง
Spa Room
ทางโครงการออกแบบมี Spa Room ภายในบ้านมาให้ด้วย ทำให้ลูกบ้านสามารถเรียกบริการนวดสปาต่างๆจากด้านนอกได้เลย โดยมีขนาดห้อง 3.50×4.50 เมตร พร้อมติดตั้งอุปกรณ์มาให้ครบ ไม่ว่าจะเป็นอ่างล้างมือ พร้อมพื้นที่วางอุปกรณ์สปาต่างๆได้, เตียงนวดสปา, อ่างอาบน้ำ ไว้แช่น้ำร้อนและโถสุขภัณฑ์ไว้เข้าห้องน้ำได้ง่ายๆ ทำให้ไม่ว่าจะเป็นการขัดผิว, พอกผิว, นวด, แช่น้ำและอบสมุนไพรก็ทำได้ที่บ้าน ไม่ต้องเดินทางออกไปด้านนอกเลยนะ ช่วยผ่อนคลายทั้งร่างกายและจิตใจได้ดีค่ะ
มีอีกจุดที่เราชอบของห้องนี้ก็คือการกรุฝ้าเพดานเป็นลายไม้ ประกอบกับระแนงพรางสายตาตรงกระจก ก็ช่วยเพิ่มบรรยากาศให้ดูอบอุ่นมากขึ้น
Yoga Room
ถัดจาก Spa Room จะเป็น Yoga Room ขนาด 2.95×4.60 เมตร ให้ลูกบ้านสามารถออกกำลังกาย ยืดเหยียดกล้ามเนื้อ เพิ่มความยืดหยุ่น ผ่อนคลายกล้ามเนื้อได้ นอกจากนั้นยังจ้างครูให้มาสอนโยคะภายในบ้านได้ด้วย โดยภายในห้องก็มีการออกแบบติดตั้งกระจกเงาไว้เช็กท่าทางตอนออกกำลังกายได้
จริงๆแล้วเราสามารถทำเป็นห้องออกกำลังกายสำหรับเล่น Cardio หรือ Weight Training ได้เหมือนกัน สำหรับคนที่ไม่อยากไปสมัคร Member ข้างนอก อยากมี Fitness ภายในบ้านให้มาออกกำลังกายได้ง่ายๆค่ะ
ถัดมาเราจะพามาดูห้องนอนรองอีกห้องที่อยู่ชั้น 2 ใกล้ๆกับพื้นที่รับประทานอาหารกันค่ะ
ห้องนอนรอง ชั้น 2
ห้องนอนนี้จะมีขนาดอยู่ที่ 5.30×6.35 เมตร มีพื้นที่บริเวณเตียงนอนใหญ่มากๆ สามารถอยู่อาศัยได้ตั้งแต่เล็กจนโต วางเตียง 6 ฟุต พร้อม Built-in หัวเตียงเป็นชั้นวางของเหมือนบ้านตัวอย่างได้เลย มีพื้นที่รอบเตียงกว้าง ส่วนตรงปลายเตียงก็วางเป็นชั้นวางทีวี พร้อมเก้าอี้นั่งอ่านหนังสือริมหน้าต่างได้ด้วย นอกจากนั้นยังเลือกใช้บานกระจกขนาดใหญ่แบบ Full Height ทั้ง 2 ฝั่งห้อง ทำให้เปิดรับแสงและวิวได้เยอะ อีกทั้งเปิดออกไปยังระเบียงได้ด้วย
ระเบียงส่วนตัวของห้องนอนรอง ชั้น 2
ระเบียงส่วนตัวของห้องนอนรองนี้จะเป็นรูปตัว L เหมือนกัน มีขนาด 1.35×7.50 เมตร และ 2.00×6.00 เมตร จึงทำให้สามารถจัดเป็นพื้นที่นั่งเล่นแบบ Semi Outdoor หรือวางกระถางต้นไม้เป็นแนวยาวเหมือนบ้านตัวอย่าง พร้อมปลูกต้นไม้ตรงกำแพง ก็ช่วยเพิ่มวิวสีเขียวให้กับห้องนอนนั่นเอง
นอกจากนั้นตรงปลายสุดทางเดินของระเบียงจะมีบันไดเดินเข้าไปยังโซนอ่างอาบน้ำภายในห้องน้ำของห้องนอนรองด้วยนะ งั้นเราพาไปดูห้องน้ำในตัวกันเลย
พื้นที่ห้องน้ำและพื้นที่แต่งตัว
ทางโครงการยังออกแบบโดยเน้นพื้นที่เชื่อมต่อกันเป็นขนาดใหญ่ จึงออกแบบพื้นที่ห้องน้ำและพื้นที่แต่งตัวของแบบบ้านนี้อยู่บริเวณเดียวกัน มีข้อดีคือใช้งานได้ต่อเนื่องกัน แต่ก็มีข้อควรระวังในเรื่องความชื้น อย่างตู้เสื้อผ้าที่มีวัสดุเป็นไม้ รวมถึงเสื้อผ้า เครื่องประดับและกระเป๋าต่างๆที่อาจเกิดกลิ่นอับชื้น เชื้อราหรือดูหมองคล้ำได้นะคะ ซึ่งทางโครงการก็ออกแบบมีช่องหน้าต่างขนาดใหญ่ เพื่อช่วยระบายความชื้นได้ระดับนึงค่ะ
การเลือก Built-in ตู้เสื้อผ้าเป็นลายไม้ก็เป็นเทคนิคการออกแบบแบ่งแยกโซนห้องน้ำแบบที่ไม่ต้องกั้นกำแพงหรือประตูเหมือนตอนออกแบบโซนบันไดที่เราพาไปดูกันมานะคะ เพราะการเปลี่ยนวัสดุระหว่างกำแพงสีขาวของโซนห้องน้ำและลายไม้ของพื้นที่แต่งตัวก็ทำให้แต่ละพื้นที่ดูแบ่งแยกชัดเจน มีความสัดส่วนและยังได้ความโปร่งโล่งด้วย
พื้นที่แต่งตัว
พื้นที่แต่งตัวมีขนาด 2.20×4.50 เมตร สามารถทำ Built-in ตู้เสื้อผ้าเป็นตัว U เหมือนบ้านตัวอย่างได้เลย ก็ทำให้เก็บเสื้อผ้าได้เยอะและเป็นระเบียบเรียบร้อยดี พร้อมตั้งเก้าอี้อยู่ตรงกลาง สำหรับนั่งเลือกเสื้อผ้าได้ด้วย หรือใครที่มีเครื่องประดับเยอะ ก็สามารถตั้งเป็น Island เก็บของต่างๆได้ด้วยค่ะ
ห้องน้ำของห้องนอนรอง ชั้น 2
โซนห้องน้ำของห้องนอนรองนี้มีขนาด 4.50x.480 เมตร จะอยู่บริเวณเดียวกับพื้นที่แต่งตัวเลยนะ ทำให้ใช้งานได้ต่อเนื่องกันดี โดยออกแบบแบ่งส่วนเปียก-แห้งไว้เป็นสัดส่วน อ่างล้างมือก็ได้ขนาดใหญ่ ส่วนพื้นที่อาบน้ำและโถสุขภัณฑ์จะมีฉากประตูกระจกกั้นแบ่งพื้นที่การใช้งานไว้ให้เป็นสัดส่วน พร้อมติดตั้งสุขภัณฑ์ทั้งหมดจาก TOTO, Grohe หรือเทียบเท่า
นอกจากนั้นยังมีพื้นที่ให้ตั้งกระถางต้นไม้ขนาดใหญ่เหมือนบ้านตัวอย่าง นอกจากจะช่วยเพิ่มวิวสีเขียว ดูสดชื่นแล้ว ยังช่วยฟอกอากาศให้บริสุทธิ์และดูดซับความชื้นด้วยค่ะ
อ่างอาบน้ำ
ภายในห้องน้ำนี้มีความน่าสนใจที่มีพื้นที่ของอ่างอาบน้ำอยู่ด้านข้างของพื้นที่อาบน้ำเลย มีขนาดอยู่ที่ 1.85×2.00 เมตร ออกแบบยกสูงขึ้นมาจากระดับพื้นห้องน้ำและเลือกใช้เป็นอ่างอาบน้ำแบบฝัง ทำให้ลูกบ้านสามารถมาแช่น้ำผ่อนคลายได้สบายๆ ส่วนด้านข้างของอ่างอาบน้ำนี้จะมีทั้งหน้าต่างและประตูกระจกเปิดออกไปยังระเบียงที่เราพาไปดูกันเมื่อกี้ด้วยค่ะ ได้ฟีลเหมือนพักอยู่ในโรงแรมเลยนะ
โถงทางเดินชั้น 3
หลังจากเราพาไปดูชั้น 2 กันมาแล้ว เราเดินขึ้นมาชั้น 3 กันต่อเลย โดยออกแบบชั้นนี้สำหรับการพักผ่อนเท่านั้น จึงมีห้องนอนเพียง 2 ห้องและไม่มีฟังก์ชันตรงกลางชั้น 3 ให้ใช้งานร่วมกันเลยค่ะ แต่ก็เป็นเพราะว่าพื้นที่ภายในห้องนอนแต่ละห้องก็มีขนาดใหญ่มากๆอยู่แล้ว จึงทำกิจกรรมต่างๆในห้องได้เลย หรือเวลาอยากใช้เวลาร่วมกันในครอบครัวก็มี Family Area ขนาดใหญ่ตรงชั้น 2 ให้ใช้งานอยู่แล้วนั่นเอง
ทางโครงการจะออกแบบโถงทางเดินชั้น 3 มีขนาดประมาณ 2.55×7.60 เมตร ส่วนพื้นที่ด้านข้างให้สามารถ Built-in ชั้นวางของและตู้เก็บของเหมือนบ้านตัวอย่างได้เลย อีกทั้งใช้เป็นพื้นที่ตั้งของสะสมหรืองานอดิเรกได้ด้วย
สำหรับพื้นชั้น 3 จะเหมือนกับชั้น 2 เลือกใช้เป็นพื้น Engineering Wood ปิดผิวด้วยไม้โอ๊ก 3 มม. ขนาด 142 x 125 x 910 มม. และมีความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานอยู่ที่ 3.00 เมตร ได้บรรยากาศภายในบ้านที่โปร่งสบาย
ด้านในสุดของโถงทางเดินชั้น 3 จะเป็นห้องนอนทั้ง 2 ห้อง โดยห้องที่อยู่ด้านหน้าจะเป็น Master Bedroom ส่วนห้องทางฝั่งขวาของภาพจะเป็นห้องนอนรอง งั้นเราขอพาไปดู Master Bedroom กันก่อนนะคะ
Master Bedroom
Master Bedroom มีขนาดใหญ่ครึ่งนึงของพื้นที่ชั้น 3 เลย โดยภายในห้องจะมีขนาดประมาณ 5.70×9.65 เมตร สามารถใช้เป็นทั้งพื้นที่เตียงนอน พื้นที่นั่งเล่นและพื้นที่ทำงานภายในห้องได้สบายๆ มีพื้นที่โดยรอบเยอะมากๆ จึงไม่รู้สึกอึดอัดเลยค่ะ
นอกจากนั้นทางโครงการยังมีการกรุผนังภายในห้องเป็นลายไม้ที่มีสีเดียวกับพื้นห้อง พร้อมต่อลายไม้ให้ตรงกัน ทำให้ได้พื้นที่ดูต่อเนื่องเป็นพื้นที่เดียวกัน สร้างบรรยากาศอบอุ่น ดูสวยงามและมีลูกเล่นมากขึ้น อีกทั้งช่วยเสริมให้เฟอร์นิเจอร์ภายในห้องดูโดดเด่น โดยเฉพาะหากเลือกเป็นเฟอร์นิเจอร์โทนสีอ่อน ซึ่งการออกแบบนี้เราจะไม่ค่อยเห็นในโครงการบ้านอื่นๆเลยนะ รวมถึงพอมีบานกระจกยาวตลอดแนวผนังก็ยิ่งทำให้ได้บรรยากาศโปร่งสบายเหมือนพักอยู่ที่โรงแรมเลยค่ะ
พื้นที่เตียงนอน
พื้นที่เตียงนอนจะสามารถวางเตียง 6 ฟุตได้สบายๆ พร้อม Built-in หัวเตียงพร้อมโต๊ะข้างเตียงทั้ง 2 ฝั่งได้เลย ส่วนตรงปลายเตียงก็มีพื้นที่ให้วางเก้าอี้หรือโซฟายาวได้ด้วยนะ นอกจากนั้นโดยรอบของเตียงจะเป็นบานกระจกสูงเต็มผนังแบบ Full Height เปิดรับแสงและวิวด้านนอกได้กว้าง ทำให้เวลานอนอยู่บนเตียงก็มองเห็นวิวต้นไม้สีเขียวตรงระเบียงด้วยนะ
ทางโครงการได้ Built-in หัวเตียงพร้อมโต๊ะข้างเตียงทั้ง 2 ฝั่งแล้ว ตรงด้านหลังจะมีพื้นที่กว้างประมาณ 1.30 เมตร ทำเป็นพื้นที่โต๊ะนั่งทำงาน พร้อมตู้เก็บของได้ เหมาะเอาไว้สำหรับทำงาน-เช็กงานเล็กๆน้อยๆในตอนเช้าหรือก่อนนอนได้ อีกทั้งยังเหมาะเป็นพื้นที่นั่งอ่านหนังสือด้วยค่ะ
พื้นที่นั่งเล่นใน Master Bedroom
ภายใน Master Bedroom ยังมีพื้นที่ทำเป็นพื้นที่นั่งเล่นในห้องได้ มีขนาดประมาณ 3.90×5.70 เมตร จึงจัดเป็นชุดโซฟา พร้อมโต๊ะกลาง ไว้นั่งชิลๆในห้องนอนได้เลย นอกจากนั้นยังตั้งเป็นโซฟาอยู่ริมหน้าต่าง เป็นมุมนั่งอ่านหนังสืออีกจุดได้ด้วย
พื้นที่ริมหน้าต่างด้านหน้าประตูห้อง
บริเวณด้านหน้าห้องจะมีพื้นที่ริมหน้าต่าง เหมาะวางโซฟายาวหรือทำ Built-in เป็น Nook พื้นที่นั่งเล่นหรืออ่านหนังสือ อีกทั้งยังออกแบบมี Pocket Garden สามารถปลูกต้นไม้ให้ได้วิวสีเขียวตั้งแต่ก้าวเข้ามาภายใน Master Bedroom ได้เลยค่ะ
Master Bathroom และพื้นที่แต่งตัว
สำหรับ Master Bathroom และพื้นที่แต่งตัวจะอยู่ด้านข้างบริเวณพื้นที่เตียงนอนเลย โดยยังคงออกแบบเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่เชื่อมต่อกัน มีขนาดอยู่ที่ 5.10×7.60 เมตร ทำให้ใช้งานได้ง่าย อาบน้ำเสร็จก็เลือกเสื้อผ้าต่อได้เลย แต่อย่างที่เราได้บอกไปว่าจะต้องระมัดระวังเรื่องความชื้นด้วยนะคะ
ส่วนพื้นที่แต่งตัวก็ยังคงเลือก Built-in ตู้เสื้อผ้าเป็นลายไม้ ก็ช่วยแบ่งโซนแต่งตัวและห้องน้ำแยกจากกันเป็นสัดส่วน แต่ยังคงได้พื้นที่เปิดโล่งอยู่ นอกจากนั้น Master Bathroom ยังมีอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ด้วยค่ะ
โซนห้องน้ำ
โซนห้องน้ำจะมีเคาน์เตอร์อ่างล้างมือขนาดใหญ่ พร้อมก๊อกน้ำ 2 จุด เหมือนได้อ่างล้างมือแบบ His & Her ส่วนกระจกเงาก็สามารถติดตั้งแบบเต็มผนังได้เลยนะ จะได้ส่องกระจกได้ชัดเจนดี สำหรับพื้นที่อาบน้ำและโถสุขภัณฑ์ก็ออกแบบแบ่งฝั่งซ้าย-ขวา พร้อมฉากประตูกระจก Tempered Glass หนา 10 มม. ช่วยป้องกันไม่ให้น้ำกระเด็นไปเลอะบริเวณอื่น โดยวัสดุในห้องน้ำจะเลือกใช้จาก TOTO, Grohe หรือเทียบเท่า
อ่างอาบน้ำ
ทางโครงการออกแบบพื้นที่สำหรับอ่างอาบน้ำด้วย มีขนาดอยู่ที่ 1.85×2.00 เมตร โดยติดตั้งเป็นอ่างอาบน้ำแบบฝังมาให้ พร้อมช่องหน้าต่างที่เปิดรับแสงและวิว ทำให้เวลามาแช่น้ำผ่อนคลายก็สามารถชมวิวด้านนอกได้เพลินๆดีค่ะ
นอกจากนั้นทางโครงการยังใช้ระบบหม้อต้มกลางจ่ายน้ำร้อนทุกห้อง และระบบ return น้ำกลับหากอุณหภูมิลดลง เพื่อให้น้ำร้อนอยู่เสมอในระบบ ทำให้เวลาเปิดใช้งานก็จะได้น้ำร้อนเร็วกว่าแบบทั่วไปค่ะ
โซนแต่งตัวภายใน Master Bathroom
โซนแต่งตัวภายใน Master Bathroom จะมีขนาดประมาณ 2.05×3.25 เมตร สามารถทำ Built-in ตู้เสื้อผ้าเป็นตัว U มีทั้งแบบมีบานตู้ปิดทึบหรือไม่มีหน้าบานตู้ ก็ทำให้เลือกหยิบเสื้อผ้าได้ง่ายดี พร้อมเก้าอี้ตรงกลางให้นั่งเลือกเสื้อผ้าได้ด้วย
แต่อย่างที่เราได้บอกไปนะคะว่าทั้งโซนแต่งตัวและห้องน้ำจะอยู่บริเวณเดียวกัน ไม่มีกำแพงหรือประตูกั้น ทำให้ได้ในเรื่องพื้นที่เปิดโล่ง แต่ก็อาจเกิดปัญหาเรื่องความชื้นจากห้องน้ำที่ลอยมายังโซนแต่งตัวได้นั่นเอง
ระเบียงส่วนตัวของ Master Bedroom
หลังจากเราพาไปดูภายใน Master Bedroom กันแล้ว เราจะขอพามาดูระเบียงส่วนตัวกันบ้าง เพราะอย่างที่เราได้บอกไปนะว่าจุดเด่นอย่างนึงของแบบบ้านนี้คือมีระเบียงอยู่ทุกชั้น ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของพวกโรงแรมและรีสอร์ตเลยนั่นเอง เพราะทำให้เราได้บรรยากาศใกล้ชิดกับธรรมชาติมากขึ้นค่ะ
ระเบียงส่วนตัวของ Master Bedroom จะเป็นรูปตัว L มีขนาด 1.45×7.60 เมตรและขนาด 1.65×7.50 เมตร จึงวางกระถางต้นไม้เพื่อเป็นวิวสีเขียวให้กับห้องนอนได้เลย พร้อมระแนงพรางสายตายาวตลอดแนวระเบียง ทำให้เวลาพักผ่อนอยู่ภายในห้องก็ยังได้ความเป็นส่วนตัวนั่นเอง แต่ระแนงพรางสายตานี้ออกแบบมาใส่ใจถึงการใช้งานจริงและมีลูกเล่นด้วยนะ อ่านต่อด้านล่างได้เลยค่ะ
ทางโครงการได้ติดตั้งระแนงแนวตั้งเป็นตัว L ตรงระเบียงส่วนตัวของ Master Bedroom มาให้เหมือนภาพด้านบนเลยค่ะ ซึ่งนอกจากจะทำให้เวลามองดูชั้น 3 จากด้านนอกแล้วได้ความรู้สึกสูงโปร่ง ยังช่วยพรางสายตาจากด้านนอกและบังแสงแดดด้วยค่ะ
เพราะ Master Bedroom ของบ้านตัวอย่างจะอยู่ฝั่งทางทิศตะวันออก ซึ่งตำแหน่งของแสงแดดยังส่องเข้ามาไม่สูงมากนัก การเลือกใช้เป็นระแนงแนวตั้งจึงบังแสงแดดได้มากกว่านั่นเอง ส่วนพื้นที่ระเบียงตรงฝั่งทิศใต้ที่จริงๆแล้วจะเหมาะกับใช้ระแนงแนวนอนเหมือนชั้น 2 แต่ด้วยระแนงนี้มีความถี่ของแต่ละซี่สูง จึงช่วยกรองแสงแดดได้เยอะอยู่ดีค่ะ
ระแนงพรางสายตา เลื่อนเปิด-ปิดได้
อย่างที่เราได้เกริ่นไปเล็กน้อยนะคะว่าระแนงนี้มีลูกเล่นด้วยนะ ก็เพราะว่าเราสามารถเลื่อนเปิด-ปิดระแนงพรางสายตานี้ได้ทั้งหมดเลยนั่นเอง ทำให้เวลาตอนกลางวันก็สามารถเลื่อนเปิดระแนง เพื่อรับแสงธรรมชาติและวิวด้านนอกได้ ส่วนตอนกลางคืนก็เลื่อนปิดระแนง เพื่อนอนหลับพักผ่อน ได้ความเป็นส่วนตัวค่ะ
ห้องนอนรองตรงชั้น 3
ต่อมาเรามาพาดูห้องนอนรองตรงชั้น 3 กันต่อนะคะ โดยมีขนาดอยู่ที่ 5.25×5.55 เมตร ออกแบบคล้ายกับห้องนอนอื่นๆ มีพื้นที่ภายในห้องกว้างมากๆ
นอกจากนั้นยังออกแบบเป็นบานกระจกแบบ Full Height เปิดรับแสงและวิวด้านนอก รวมถึงมีการกรุผนังตรงด้านหน้าห้องน้ำและพื้นที่แต่งตัวเป็นลายไม้เหมือนกับ Master Bedroom ทำให้ดูสวยงามและเป็นพื้นที่ต่อเนื่องกัน
พื้นที่เตียงนอน
ภายในห้องจะสามารถวางเตียงใหญ่ 6 ฟุตหรือจะวางเตียงเดี่ยวเป็น 2 เตียงก็ได้สบายๆเลย พร้อม Built-in หัวเตียงเป็นชั้นวางของทั้ง 2 ฝั่ง อีกทั้งยังกรุผนังเป็นลายไม้ตรงหัวเตียงเพิ่มความโดดเด่นดี ส่วนพื้นที่ปลายเตียงจะตั้งเป็นชั้นวางทีวีหรือทำเป็นมุมนั่งทำงาน อ่านหนังสือก็ได้เหมือนกัน
ห้องน้ำและพื้นที่แต่งตัวของห้องนอนรองชั้น 3
ทางโครงการยังคงออกแบบโซนห้องน้ำและพื้นที่แต่งตัวอยู่ในบริเวณเดียวกัน มีขนาดประมาณ 3.65×4.25 เมตร แต่สำหรับห้องนี้จะมีพื้นที่แต่งตัวขนาดไม่ใหญ่มากนัก ทำให้ต้องระมัดระวังเรื่องความชื้นอยู่ดี ถึงแม้ว่าจะมีบานกระจกขนาดใหญ่ช่วยให้แสงส่องเข้ามา ลดความชื้นภายในห้องลงได้บ้าง
รวมถึงทางโครงการยังคง Built-in ตู้เสื้อผ้าเป็นลายไม้ ซึ่งถือเป็นเทคนิคการออกแบบด้วยการเปลี่ยนวัสดุ เพื่อให้ความรู้สึกว่าเป็นพื้นที่คนละโซนกับห้องน้ำนั่นเอง
โซนห้องน้ำ
โซนห้องน้ำมีการก่อเคาน์เตอร์อ่างล้างมือแบบ His & Her พร้อมมีฉากประตูกระจกกั้นแบ่งพื้นที่การใช้งานเป็นพื้นที่อาบน้ำและโถสุขภัณฑ์ จึงสามารถใช้งานพร้อมกัน 2 คนได้ พร้อมติดตั้งสุขภัณฑ์ทั้งหมดจาก TOTO, Grohe หรือเทียบเท่ามาให้เรียบร้อยเลยค่ะ
โซนแต่งตัวจะอยู่บริเวณเดียวกับห้องน้ำ มีขนาดประมาณ 1.10×3.65 เมตร สามารถ Built-in ตู้เสื้อผ้าเป็นตัว U ได้ แต่ขนาดไม่ใหญ่มากนัก อีกทั้งมีพื้นที่ด้านหน้าตู้เสื้อผ้าให้พอยืนเลือกเสื้อผ้าได้เท่านั้น เราจึงมองว่าเหมาะกับคนที่ไม่ได้มีเสื้อผ้าเยอะนะคะ
ระเบียงส่วนตัว
เราพามาดูระเบียงส่วนตัวของห้องนอนนี้กันต่อนะคะ โดยจะมีการออกแบบเหมือนห้องนอนอื่นๆ เป็นระเบียงรูปตัว L ขนาด 1.70×6.80 เมตรและ 1.30×7.95 เมตร สามารถตั้งกระถางต้นไม้ตรงระเบียงพร้อมปลูกต้นไม้ตรงกำแพงเพิ่มพื้นที่สีเขียวภายในบ้านและเป็นวิวสดชื่นให้กับห้องนอนด้วยนั่นเอง ซึ่งก็เป็นไปตามแนวคิดการออกแบบของบ้านตัวอย่างหลังนี้เลยนะที่เน้นบรรยากาศใกล้ชิดธรรมชาติ มองไปมุมไหนก็จะมองเห็นต้นไม้นั่นเองค่ะ
The Nest (เดอะ เนสท์)
บ้านตัวอย่างอีกหลัง คือ The Nest (เดอะ เนสท์) ที่มีขนาดใหญ่มากพื้นที่ใช้สอย 881 ตร.ม. เลยทีเดียว แบ่งห้องนอนออกเป็น 4 ห้องทำให้ทุกห้องมีขนาดใหญ่พร้อมระเบียงส่วนตัว จอดรถได้ถึง 5 คัน ถือว่าเยอะทีเดียวเมื่อเทียบกับในโครงการบ้านที่ราคาพอๆ กัน
ในส่วนของบ้านมาตรฐานจะเป็นบ้านเปล่าไม่มีการตกแต่งมาให้ สิ่งที่ได้คือ พื้นที่จอดรถลงเสาเข็มและปูกระเบื้องไว้ให้ มีสระว่ายน้ำและลิฟต์ที่ติดตั้งมาให้พร้อมใช้งาน ภายในบ้านปูพื้นมาให้ทั้งหมด, ผนังฉาบเรียบทาสี, พร้อมเดินระบบแอร์-น้ำ-ไฟไว้ให้ครบถ้วน, ในส่วนของ Pantry ครัวจะมีเครื่องใช้ไฟฟ้าติดตั้งมาให้บางส่วนและห้องครัวไทยจะมี เคาน์เตอร์ครัว Built-in มาให้ หากเราอยากกั้นห้องปรับฟังก์ชันใหม่ หรือ ตกแต่งเพิ่มเติมในส่วนไหนสามารถคุยกับทางโครงการได้ แต่จะเป็นส่วนที่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมนะคะ
The Nest ชั้น 1
ชั้น 1
- ที่จอดรถ 5 คันในร่ม แยกเป็น 2 ฝั่ง เป็นพื้นที่จอดรถ 4 คัน ติดตั้ง EV Charger มาให้และทางลาดรองรับวีลแชร์ ส่วนพื้นที่จอดรถอีก 1 คัน สำหรับโซน Service มีทางเดินเชื่อมไปยังโซนแม่บ้าน-ซักล้าง
- โถงทางเข้าด้านหน้าบ้านมีชายคากันแดดและฝน พร้อมพื้นที่เฉลียงขนาดใหญ่ ทำเป็นมุมนั่งเล่นแบบ Semi Outdoor ได้สบาย
- พื้นที่ชั้น 1 ออกแบบกั้นกำแพงตรงกลาง แบ่ง Foyer และโซน Service อยู่ด้านหน้าบ้าน ส่วนพื้นที่พักผ่อนอยู่ด้านในบ้าน ได้วิวสีเขียวและสระว่ายน้ำในบ้าน
- Foyer เป็นพื้นที่ต้อนรับ ทำ Built-in ตู้เก็บรองเท้าหรือตู้เก็บของได้สบาย
- พื้นที่ Common Area แบ่งเป็น Living+Dining+Family Area พร้อมประตูกั้นปิด เพิ่มความเป็นส่วนตัวในการใช้งาน รวมถึงมีประตูเปิดออกไปสระว่ายน้ำได้
- Living Area ออกแบบเป็นพื้นที่ฝ้าเพดานสูง Double Volume เพิ่มบรรยากาศโปร่งโล่งและเปิดรับวิวสระได้เต็มที่
- สระว่ายน้ำภายในบ้าน ขนาดใหญ่เกือบ Half Olympic สามารถว่ายน้ำได้จริงจัง พร้อมระบบ Jacuzzi แช่น้ำผ่อนคลาย และศาลานั่งพักผ่อน
- Terrace แนวยาวริมสระว่ายน้ำ มีเสาตกแต่งให้บรรยากาศเหมือนอยู่รีสอร์ต
- Powder Room ห้องน้ำรองรับแขกและการใช้งานบริเวณชั้น 1
- ห้องครัวแบบปิด ใช้ทำอาหารได้จริงจัง อยู่ใกล้ทั้งโซนแม่บ้านและลานซักล้าง
- ห้องแม่บ้าน 2 ห้อง มีห้องน้ำอยู่ใกล้ๆ ใช้งานได้สะดวก พร้อมพื้นที่ให้ตั้งโต๊ะนั่งพักผ่อนได้
- พื้นที่ลานซักล้าง สำหรับตั้งเครื่องซักผ้า-อบผ้า
- ลิฟต์โดยสารภายในบ้านเป็นกระจก ดูสวยงาม ขึ้น-ลงบ้านได้ง่าย รองรับวีลแชร์ได้
ชั้น 2
- Multi-Purpose Area พื้นที่พักผ่อนเหมาะเป็นมุมนั่งเล่น มองลงไปเห็นสวนและสระว่ายน้ำชั้นล่าง
- ห้องนอนรอง 2 ห้อง มีขนาดใหญ่พอๆกัน วางเตียง 6 ฟุตได้ พร้อมห้องน้ำในตัว มีอ่างอาบน้ำ และทำ Walk-in Closet ได้
- ทุกฟังก์ชันมีระเบียงให้ออกมาใช้งานได้ โดยเฉพาะห้องนอนรอง 2 ที่มีระเบียงล้อมรอบตัวบ้านเกือบครึ่งนึงเลย
ชั้น 3
- เน้นพื้นที่พักผ่อนและความเป็นส่วนตัว มีห้องนอนเพียง 2 ห้อง
- Master Bedroom มีพื้นที่ขนาดใหญ่เกินครึ่งนึงของชั้น 3
- Master Bedroom แบ่งโซนดูหนัง, ทำงานในบริเวณหน้าห้องและจัดพื้นที่วางเตียงนอนไว้ด้านในได้สบายๆ
- Master Bathroom ขนาดใหญ่ พร้อมพื้นที่แต่งตัวภายในห้อง ออกแบบแยกฝั่งชัดเจน
- Master Bathroom แยก Shower Box และห้องสุขภัณฑ์ มีอ่างล้างมือแบบ His & Her และอ่างอาบน้ำให้แช่น้ำด้วย
- พื้นที่แต่งตัวขนาดใหญ่ ทำเป็น Walk-in Closet ได้สบาย
- ห้องนอนรอง 3 มีขนาดใหญ่กว่าห้องนอนรองอื่นๆ วางเตียง 6 ฟุตหรือเตียงเดี่ยว 2 เตียงได้สบาย มีพื้นที่ทำเป็น Walk-in Closet พร้อมห้องน้ำในตัว
- ห้องน้ำของห้องนอน 3 มีอ่างล้างมือแบบ His & Her และอ่างอาบน้ำมาให้ด้วย
- ระเบียงของชั้น 3 ออกแบบเป็นแนวยาวล้อมรอบอาคาร เดินเชื่อมต่อกันได้หมด
Facade หน้าบ้านใช้วัสดุหลักเป็นอะลูมิเนียมลายไม้ ภาพรวมเป็นสีน้ำตาลเฉดต่างๆ Gimmick อยู่ตรงที่จะมีระแนงบังสายตาติดตั้งมาให้ ซึ่งเราสามารถเลือกเปิดปิดเฉพาะบานที่เราต้องการความเป็นส่วนตัวในโซนนั้นๆ ก็ได้ และเอกลักษณ์ของรีสอร์ตอีกอย่างก็คือ ระเบียงยาวล้อมทั้งชั้นเอาไว้ ซึ่งโครงการทำให้ทุกๆ ห้องมีระเบียงส่วนตัว สามารถเดินออกมาเปลี่ยนบรรยากาศแบบ Outdoor ได้ค่ะ
ชั้น 1
แปลนบ้านชั้น 1 มีหลายจุดที่น่าสนใจเราจึงใส่ตัวเลขไว้ให้เข้าใจได้ง่ายนะคะ
หมายเลข 1 จอดรถได้ถึง 5 คัน ถือว่าเยอะทีเดียวเมื่อเทียบกับในโครงการบ้านที่ราคาพอๆ กัน ซึ่งแบ่งที่จอดออกเป็น 2 ฝั่ง ฝั่งซ้ายเหมาะสำหรับเจ้าของบ้านเป็นที่จอดแบบในร่ม 4 คัน มีหลังคาบังแดดบังฝน และโครงการจะลงเสาเข็มและปูกระเบื้องมาให้พร้อมใช้งานเลย ส่วนฝั่งขวาจะเป็นที่จอดรถที่อยู่ใกล้ Maid Plaza จึงเหมาะกับการใช้งานของแม่บ้านหรือการขนของกินของใช้ลงจากรถ ช่องจอดทางฝั่งขวาก็จะสะดวกเลยค่ะ
หมายเลข 2 ผนังบังสายตา ออกแบบมาเพื่อความเป็นส่วนตัวในการพักอาศัยของลูกบ้าน ใครผ่านไปมาจะไม่สามารถมองเห็นสระว่ายน้ำและพื้นที่พักผ่อนหลักของครอบครัวได้
หมายเลข 3 เนื่องจากพื้นที่ใช้สอยในบ้านมีขนาดใหญ่และกว้างมากพอ จึงสามารถกั้นกำแพงตรงกลางเพื่อแบ่งพื้นที่รับแขกบริเวณ Foyer ด้านหน้า และโซน Service ทั้งครัวและ Maid Plaza ออกจากพื้นพักผ่อนหลัก ทางฝั่งหลังบ้านได้ โดยฝั่งหลังบ้านประกอบด้วย Living+Dining+Family Area
หมายเลข 4 พื้นพักผ่อนหลักของเจ้าของบ้านทั้ง Living+Dining+Family Area เปิดรับวิวสระว่ายน้ำได้แบบเต็มตา
หมายเลข 5 สระว่ายน้ำมีความยาว 24.7 m. เรียกว่าเกือบ Half Olympic เลยนะคะ ลึก 1.2 m. มาพร้อมระบบ Jacuzzi
หมายเลข 6 มีเฉลียงแนวยาวรอบพื้นที่พักผ่อนเป็นทางเดินริมสระ และมีเสาตกแต่งให้บรรยากาศเหมือนอยู่รีสอร์ต
หมายเลข 7 Maid Plaza อยู่บริเวณหน้าบ้าน โซนนี้จะรวมไว้ทั้งห้องครัวไทย พื้นที่ซักล้าง แบบในร่มมีหลังคาคลุม และใกล้ที่จอดรถ จึงใช้งานสะดวกเป็นสัดส่วนดีเลย
ที่จอดรถฝั่งซ้ายรองรับการจอดได้ 4 คัน แบบมีหลังคาคลุมไว้เรียบร้อย เวลาลงจากรถก็สามารถเดินเชื่อมเข้าบ้านได้สะดวก แต่ละช่องจะมีความกว้างไม่เท่ากันเพื่อรองรับรถหลายๆ ขนาด ส่วนความลึกนั้นรองรับรถใหญ่อย่าง Alphard ได้สบายค่ะ
จากที่จอดรถมองตรงเข้าไปจะยังมองไม่เห็นสวนและสระข้างบ้านในทันทีนะคะ จะมีกำแพงขนาดใหญ่สูง 2 ชั้น บังสายตาไว้เพื่อความเป็นส่วนตัวในการพักผ่อน
ระหว่างกำแพงจะมีช่องทางเดินขนาดพอดีๆ กับ 1 คนให้เดินผ่านเข้าไปสวนด้านในได้ หากจัด Pool Party ก็สามารถเดินเข้าสระว่ายน้ำได้โดยไม่ต้องผ่านเข้าตัวบ้าน โดยที่ยังบังสายตาจากบ้านข้างเคียงไว้อยู่
สระและพื้นที่สวนรอบตัวบ้านให้บรรยากาศรีสอร์ตมากๆ ซึ่งพื้นที่ในสวนโครงการจะให้ไม้ยืนต้น 1-2 ต้น รวมถึงพุ่มรอบรั้ว และสนามหญ้ารอบบ้าน
เข้ามาในตัวบ้านจะเจอกับ Foyer เป็นลำดับแรก เป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ที่สามารถจัดเป็นมุมรับแขกย่อมๆ ได้ เหมาะกับการรับรองแขกที่ไม่ค่อยสนิทสักเท่าไหร่ หากไม่อยากไปรบกวนพื้นที่พักผ่อนหลักของครอบครัวก็สามารถปิดประตูกั้นระหว่างห้องได้
จาก Foyer จะเชื่อมไปยังโถงทางเดินเพื่อไปยัง Powder Room ได้ โดยที่ไม่ต้องผ่านห้องอื่นๆ ของตัวบ้านเพื่อแยกโซนรับแขกออกจากส่วนอื่นๆ
บรรยากาศของโถงทางเดินจะได้กลิ่นอายแบบ Minimal ใช้โทนสีขาว,ไม้ เป็นหลัก ประตูต่างๆ ใช้วัสดุไม้โอ๊ค พื้นบ้านชั้น 1 ปูด้วยกระเบื้องนำเข้าโทนสีขาวเทา
เข้ามาในส่วนของ Living Area จะเปิดโล่งด้วยผนังกระจกทั้ง 2 ฝั่ง เพื่อให้รับวิวสระว่ายน้ำได้อย่างเต็มที่
Living Area
จาก Living Area จะสามารถมองออกไปเห็นสวนและสระรอบบ้านได้ เชื่อว่าน่าจะเป็นมุมโปรดของสมาชิกในบ้านทุกคนเลยค่ะ ยิ่งเวลาเงาตกกระทบน้ำและมีแสงลอดเข้ามาในบ้าน ให้บรรยากาศที่ผ่อนคลายมากๆ
Living Area เป็นพื้นที่แบบ Double Volume สูง 6 m. ผนังกระจกจึงเป็นบานสูงพิเศษไปด้วยเช่นกัน และสามารถเปิดประตูเชื่อมออกไปยังสระและสวน หรือเปิดรับลมได้แบบกว้างๆ เลยค่ะ
Frame กระจกจะเป็นอะลูมิเนียมจาก Tostem กรอบบานดูหนาและมีขนาดใหญ่เพื่อรองรับกระจกบานใหญ่ มีน้ำหนักมากหน่อยแต่เปิดได้ลื่นดีค่ะ
จาก Living Area จะมองเห็นมุมนั่งเล่นออกแบบเก๋ๆ ที่ยืนออกมาจากผนัง เชื่อมต่อพื้นที่นั่งเล่นทั้ง 2 ชั้นเข้าหากันได้ และเป็นการเปิดวิวให้กับพื้นที่บนชั้น 2 ให้มองเห็นสระและสวนด้วย
ชุดโซฟาใน Living Area
ใน Living Area รองรับการวางชุดโซฟานั่งเล่นขนาดใหญ่แบบ 9-10 คนได้เลย แต่สำหรับบ้านตัวอย่างจะจัดให้ดูสบายๆ หน่อยประมาณ 5-6 ที่นั่ง แถมด้วยม้านั่งตกแต่งไว้สำหรับวางของ หรือนั่งเล่นชมสระได้
แน่นอนว่าองค์ประกอบหลักของพูลวิลล่าก็คือสระว่ายน้ำ ซึ่งโครงการนี้ออกแบบมาให้เป็นสระยาว 24.7 m. เกือบเท่า Half Olympic แล้วนะคะ จึงมีส่วนที่สามารถว่ายออกกำลังกายได้จริงจัง มาพร้อมดีไซน์ของ Pavilion ริมสระที่ดูยังไงก็เหมือนว่าอยู่รีสอร์ต
สำหรับสมาชิกครอบครัวที่ไม่ได้ชอบออกกำลังกายจริงจังก็สามารถมานั่งแช่ Jacuzzi แทนได้ รองรับได้ประมาณ 5 คน นั่งแช่พร้อมกันได้สบายค่ะ
Gimmick อย่างหนึ่งที่ทำให้บรรยากาศดูเป็นบ้านพักตาอากาศก็คือ ดีไซน์ของเสาตกแต่งล้อมรอบอาคาร ที่ไม่ค่อยได้เห็นในโครงการหมู่บ้านทั่วไป ดูสวยงามและแตกต่าง
แนวเสาดูสวยงามและเป็นวิวให้กับสมาชิกที่กำลังว่ายน้ำอยู่ได้ เพราะมองจากสระก็จะเห็นวิวประมาณนี้พอดี แต่ทางเดินริมสระนี้ไม่ได้ออกแบบให้กว้างนัก ดีไซน์เพื่อใช้เป็นแนวเสาตกแต่ง ซึ่งเราสามารถเดินเชื่อมจากพื้นที่ด้านในบ้านก็ต่อเนื่องถึงกันหมด และมีประตูกระจกเพื่อเปิดสู่สระว่ายน้ำได้ทุกห้อง
มุมนี้เราถ่ายช่วงบ่ายที่แสงกำลังสวยพอดี ส่วนตัวมองว่าบ้านนี้มีมุมสวยๆ เยอะ แต่ละห้องในแต่ละช่วงเวลาก็มีแสงเงาที่ต่างกันออกไป มีมุมให้ถ่ายรูปได้ทั้งวันเลยค่ะ
จาก Living Area จะมีประตูเปิดเชื่อมมายัง Dining Area ได้ หรือหากต้องการเปิดเป็นพื้นที่โล่งก็สามารถปรับแปลน เอาผนังกั้นห้องออกได้นะคะ
Dining Area
Dining Area มีพื้นที่ขนาดใหญ่เพียงพอสำหรับวางโต๊ะอาหารขนาด 12 ที่นั่งได้ตามแบบในบ้านตัวอย่างและยังเหลือพื้นที่รอบข้างสำหรับ Built-in เคาน์เตอร์บาร์สำหรับเตรียมเครื่องดื่มได้สะดวก จากห้องนี้ก็สามารถรับวิวสระว่ายน้ำได้ตลอดความยาวของห้องด้วยเช่นกัน
อย่างที่เกริ่นไปว่าระบบแอร์ของบ้านหลังนี้จะใช้เป็นแบบ VRV ทั้งหลัง เพื่อให้ดูเรียบร้อย ไม่รบกวนดีไซน์ของตัวบ้านและยังลดจำนวน Condensing Unit ลงด้วยจึงไม่รบกวนสวนรอบบ้านมากนัก ซึ่งบ้านในโครงการส่วนใหญ่จะให้แอร์ระบบ VRV เป็นบางห้อง ไม่ได้ให้ทั้งหลังแบบโครงการนี้นะคะ
แต่การใช้งานแอร์ระบบนี้แนะนำให้ดูแลรักษาตรวจเช็คเป็นประจำ เพราะหากเครื่องมีปัญหาจะทำให้ไม่สามารถทำความเย็นได้หลายจุดพร้อมกันค่ะ
จาก Dining Area จะมีประตูเชื่อมมายัง Family Area ซึ่งก็ยังได้วิวสระว่ายน้ำด้านข้าง
Family Area
สำหรับ Family Area ทางโครงการออกแบบให้เป็นพื้นที่พักผ่อนดูหนัง ฟังเพลง ทานอาหารแบบไม่เป็นทางการ เหมาะกับวันที่ไม่ได้มีแขกมาหา สมาชิกในครบครัวก็สามารถดูหนัง ทานข้าว อย่างใกล้ชิดกันที่ห้องนี้ได้ โดยจะมี Pantry ครัว Built-in มาให้ด้วยและจากตำแหน่งของห้องนี้ก็อยู่ติดกับ Maid Plaza เลยค่ะ จึงสามารถเรียกหาแม่บ้านหรือเข้าครัวได้สะดวก
Pantry ครัว
โครงการจะ Built-in Pantry ครัวและตู้เก็บของมาให้ตามแบบในบ้านตัวอย่าง มาพร้อมเครื่องใช้ไฟฟ้าของ Franke, Electrolux หรือเทียบเท่า
จาก Mood&Tone ของการตกแต่ง ทำให้เรามีมุมถ่ายภาพสวยๆ อยู่ตลอดเลยค่ะ
ชั้น 2
หมายเลข 8 โถงบันไดและลิฟต์ออกแบบมาให้มีตำแหน่งอยู่ตรงกลางบ้าน เอื้อให้สมาชิกในบ้านมีปฏิสัมพันธ์ ได้พบปะพูดคุยกัน และออกแบบให้พื้นที่โซนนี้โปร่งโล่งมากๆ ได้ช่องแสงเยอะและเป็นช่องแสงขนาดใหญ่ด้วยค่ะ
หมายเลข 9 Multi-Purpose Area พื้นที่พักผ่อนบนชั้น 2 เป็นมุมนั่งเล่นเก๋ๆ ที่มองลงไปเห็นสวนและสระว่ายน้ำชั้นล่าง
หมายเลข 10 และ 11 ห้องนอนรอง 2 ห้องที่มีขนาดใหญ่พอๆ กัน ฟังก์ชันภายในครบครันทั้งห้องน้ำ, อ่างอาบน้ำ, Walk-in Closet และระเบียงในตัว
หมายเลข 12 ทุกห้องทุกฟังก์ชันจะสามารถเปิดออกไประเบียง เป็นการออกแบบเพื่อให้สมาชิกในบ้านสามารถออกไปเปลี่ยนบรรยากาศและใกล้ชิดธรรมชาติได้ง่าย
โครงสร้างบันไดเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก ปิดผิวด้วยไม้จริง เน้นความโปร่งโล่งด้วยการใช้กระจกเยอะมาก ทั้งผนังกระจกและราวกันตกที่เป็นกระจกด้วยเช่นกัน ทำให้บริเวณนี้ได้แสงธรรมชาติค่อนข้างมาก ช่วงเวลากลางวันไม่ต้องเปิดไฟก็มองเห็นได้ถนัดนะคะ
บรรยากาศของโถงทางเดินดูขาวๆ คลีนๆ ละมุนมาก ส่วนหนึ่งเพราะประตูห้องต่างๆ ก็ใช้เป็นประตูไม้โอ๊คด้วย ส่วนพื้นชั้น 2 และ 3 จะปูด้วย Engineering Wood หนา 15 mm.
ลิฟต์บ้านที่ให้เป็นระบบสกรูจึงติดตั้งได้โดยไม่ต้องขุดบ่อลิฟต์ ไม่ต้องมีห้องเครื่อง ทำให้มีเสียงทำงานที่เบา ประหยัดพื้นที่มากจนสามารถติดตั้งบริเวณช่องว่างกลางบันไดได้ และประหยัดไฟด้วย
โดยลิฟต์ที่ติดตั้งมาให้ของยี่ห้อ Aligo จากสวีเดน รองรับน้ำหนักได้ 400 kg. ขึ้นได้ทีละประมาณ 5 คน และเป็นขนาดที่รองรับวีลแชร์ด้วยนะคะ
Multi-Purpose Area
Multi Purpose Area พื้นที่อเนกประสงค์ที่ออกแบบมาให้อยู่ในตำแหน่งที่สามารถมองลงไปเห็นบริเวณ Living Area, สระและสวนที่ชั้นล่างได้ ห้องนี้สามารถจัดฟังก์ชันได้หลากหลายเลย เช่น เป็นพื้นที่เรียนพิเศษของลูกๆ หรือเป็นมุมทำงานอดิเรกก็ได้ค่ะ
จากมุมนั่งเล่นใน Multi Purpose Area จะได้วิวสระและสวนแบบนี้ จึงเป็นห้องที่ได้วิวดีอีกห้องหนึ่งค่ะ
ภายใน Multi-Purpose Area จะมีระเบียงให้ออกมาเปลี่ยนบรรยากาศได้ด้วย ซึ่งหากเราวางต้นไม้ตามแนวระเบียงก็จะช่วยสร้างบรรยากาศที่ร่มรื่นบนชั้น 2 ได้
ห้องนอนรอง 1
ภายในห้องนอนรอง 1 ดูโปร่งโล่งเพราะเป็นห้องขนาดใหญ่วางเตียง 5-6 ฟุตได้ มีพื้นที่ Built-in ตู้เก็บของได้เยอะ สามารถอยู่อาศัยได้ตั้งแต่เล็กจนโต และมีช่องแสงบานใหญ่ในหลายๆ ฝั่ง จัดฟังก์ชันมาครบทั้งโซนพักผ่อน, Walk-in Closet, อ่างอาบน้ำและระเบียงในตัว
มุมสวยๆ ที่ได้จากห้องนอนรอง 1 จะเป็นช่วงบ่ายที่มีแสงลอดเข้ามาในตัวบ้าน เหมาะกับ Mood&Tone ของตัวบ้าน
ห้องนอนรอง 2
ห้องนอนรอง 2 ให้พื้นที่ขนาดใหญ่และจัดฟังก์ชันครบครันเหมือนกับห้องนอนรอง 1 เลยค่ะ
เราเก็บภาพมุมเก๋ๆ ของห้องนอนรองทั้ง 2 ห้องมาฝากกันเพื่อเป็นไอเดียในการตกแต่ง ซึ่งวัสดุที่ให้มาในบ้านเปล่าจะเอื้อให้ตกแต่งภายในออกมาในสไตล์ Tropical ได้ง่าย
ชั้น 3
หมายเลข 13 Master Bedroom ได้พื้นที่ขนาดใหญ่กว้างพอที่จะแบ่งโซน ดูหนัง, ทำงานในบริเวณหน้าห้องและจัดพื้นที่วางเตียงนอนไว้ด้านในได้
หมายเลข 14 Master Bathroom จะรวมไว้ทั้ง Walk-in Closet และโซนอาบน้ำ ซึ่งแยก Shower Box และ ห้องสุขภัณฑ์ไว้เป็นสัดส่วนเรียบร้อย
หมายเลข 15 ห้องนอนรอง 3 มีขนาดใหญ่สุดในบรรดาห้องนอนรองทั้ง 3 ห้อง เหมาะจะเป็นห้องนอนของลูกคนโปรด ภายในมีฟังก์ชันครบทั้ง Walk-in Closet, อ่างอาบน้ำ, ระเบียงขนาดใหญ่
ขึ้นมาที่ชั้น 3 จะเริ่มเป็นชั้นที่มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น ในชั้นนี้จึงเป็นที่ตั้งของ Master Bedroom และห้องนอนรองที่มีขนาดใหญ่สุดในบรรดาห้องนอนรองทั้ง 3 ห้อง
โซนพักผ่อนดูทีวีใน Master Bedroom
ภายใน Master Bedroom จะมีพื้นที่ที่มากกว่าห้องนอนอื่นๆ โดยเฉพาะบริเวณหน้าห้องที่สามารถจัดเป็นพื้นที่พักผ่อนดูทีวีได้ เผื่อเวลาที่ต้องการพักผ่อนอย่างเป็นส่วนตัว
เนื่องจากพื้นที่ค่อนข้างกว้างจึงสามารถจัดชุดโซฟาขนาดใหญ่ได้สบาย หรือจะแบ่งพื้นที่เป็นมุมทำงานของเจ้าของบ้านด้วยก็ยังไหวค่ะ
พื้นที่วางเตียงนอนอยู่ในโซนด้านใน
พื้นที่วางเตียงนอนจะถัดเข้ามาด้านใน เพื่อให้ได้ความสงบมากขึ้น ภายในห้องมีหน้าต่าง 2 ฝั่งเลย เป็นหน้าต่างบานใหญ่ตั้งแต่พื้นสูงเกือบจรดฝ้า พื้นที่ขนาดใหญ่สามารถวางเตียงใหญ่ King Size ได้สบายๆ
ห้องนอนทุกห้องของบ้านจะมีระเบียงส่วนตัวอยู่แล้ว ซึ่งเป็นระเบียงยาวล้อมอาคารเลย ข้อดีของการออกแบบลักษณะนี้ คือนอกจากจะเป็นพื้นที่สำหรับเดินเล่น เปลี่ยนบรรยากาศแล้ว ยังมีชายคาช่วยบังแดด บังฝนรอบบ้านอีกด้วย
อีกฝั่งหนึ่งของห้องจะมีประตูเปิดเข้าไปยัง Master Bathroom และ Walk-in Closet ขนาดใหญ่ที่อยู่ในพื้นที่เดียวกัน
Walk-in Closet ใน Master Bedroom
Walk-in Closet เป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ สามารถ Built-in ตู้เสื้อผ้าได้เต็มผนัง มีพื้นที่เพียงพอสำหรับโต๊ะเครื่องแป้ง และทำตู้เก็บของ Island ไว้ตรงกลางได้ พื้นที่แต่งตัวจะอยู่ติดกับโซนอาบน้ำ จึงใช้งานต่อเชื่อมกันได้สะดวก แต่ก็แยกโซนเปียกแห้งไว้ชัดเจน สำหรับวัสดุที่เป็นไม้อาจจะต้องระวังเรื่องความชื้นสักหน่อย เบื้องต้นทางโครงการมีประตูเปิดเชื่อมออกไประเบียงก็ช่วยระบายความชื้นได้ระดับหนึ่งค่ะ
โซนอาบน้ำจะกั้นพื้นที่ส่วนเปียก-แห้ง ไว้อย่างเป็นสัดส่วน อ่างล้างมือได้แบบ His&Her ใช้งาน 2 คนพร้อมกันได้ Shower Box และห้องสุขภัณฑ์เป็นห้องแบบ See Through กั้นด้วยประตูกระจกบานเปิดปิดเป็นสัดส่วน วัสดุในห้องน้ำให้ยี่ห้อ TOTO, Grohe หรือเทียบเท่านะคะ
Highlight อย่างหนึ่งของ Master Bathroom ก็คืออ่างอาบน้ำของ Cristina ที่วางตำแหน่งไว้ให้มองเห็นวิวภายนอก
โครงการนี้จะใช้ระบบหม้อต้มกลางจ่ายน้ำร้อนทุกห้องของ Heismann และมีระบบ return น้ำกลับหากอุณหภูมิลดลง เพื่อให้น้ำร้อนอยู่เสมอในระบบ เวลาเปิดใช้งานก็ไม่ต้องรอ น้ำจะร้อนเร็วกว่าแบบทั่วไปค่ะ
มาที่ Bedroom 2 ห้องนี้จะเป็นห้องนอนที่มีขนาดรองจาก Master Bedroom หรือจะเรียกว่าเป็นห้องนอนของลูกคนโปรดก็ได้ เปิดประตูเข้ามาจะมีพื้นที่ Foyer อยู่หน้าห้อง แยกโซนห้องน้ำและห้องนอน ให้อยู่กันคนละฝั่งซ้าย-ขวา
ห้องนอนรอง 3
ขนาดพื้นที่ห้องนอนสามารถวางเตียงใหญ่ 6 ฟุตได้ หรือจะวางเตียงเดี่ยว 2 เตียงก็สบายๆ พื้นที่ปลายเตียงจะมีพื้นที่เหลือให้ Built-in ชั้นวางทีวีหรือจัดเป็นมุมทำการบ้าน อ่านหนังสือ
Walk-in Closet มีขนาดใหญ่จึง Built-in ตู้ได้เต็มพื้นที่ทั้ง 2 ฝั่ง ดูจากบ้านตัวอย่างแล้วก็สามารถเก็บเสื้อผ้าได้เยอะมากอยู่นะคะ
สุดปลายทางเดินเป็นประตูเปิดออกไประเบียงได้ จึงมีแสงธรรมชาติผ่านเข้ามาในห้องนี้ทำให้บรรยากาศดูโปร่งโล่งค่ะ
ในส่วนของห้องน้ำมีการจัดผังภายในเป็นสัดส่วน แยกส่วนเปียก-แห้ง เรียบร้อยเช่นเดียวกับห้องอื่นๆ ส่วนที่เป็น Highlight ที่สุด เราขอยกให้กับอ่างอาบน้ำ ซึ่งจะได้แสงธรรมชาติผ่านหน้าต่างขนาดใหญ่ด้านบน
บรรยากาศสวยๆ จากบ้าน The Nest
ราคา
Raya Residence Krungthep kritha-Ramkhamhaeng (รายา เรสซิเดนซ์ กรุงเทพกรีฑา-รามคำแหง) ราคา ณ วันที่ 28 สิงหาคม 2568
ราคาผ่อนต่อเดือนยกตัวอย่างจาก ดอกเบี้ย 4% ระยะเวลาผ่อน 30 ปี*
สามารถคลิกดูอัตราดอกเบี้ยปัจจุบันได้ที่ >> อัปเดต! ดอกเบี้ยบ้าน 2568 ทุกธนาคาร
- The Nest (เดอะ เนสท์) บ้านเดี่ยว 3 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 166.4 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 881 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 5 ที่จอดรถ / 2 ห้องแม่บ้าน / สระว่ายน้ำ / ลิฟต์
– ราคาเริ่มต้น 68 ล้านบาท
– ราคาผ่อนต่อเดือนเริ่มต้นประมาณ 324,642 บาท
– ค่าส่วนกลางเริ่มต้น 66,075 บาทต่อเดือน - The Den (เดอะ เด็น) บ้านเดี่ยว 3 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 133.7 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 789 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 6 ห้องน้ำ / 5 ที่จอดรถ / 2 ห้องแม่บ้าน / สระว่ายน้ำ / ลิฟต์
– ราคาเริ่มต้น 59 ล้านบาท
– ราคาผ่อนต่อเดือนเริ่มต้นประมาณ 281,675 บาท
– ค่าส่วนกลางเริ่มต้น 59,175 บาทต่อเดือน - ค่าจอง 500,000 บาท
- ค่าทำสัญญา 500,000 บาท
- ที่ดินเพิ่มลด ราคาตารางวาละ 120,000 บาท
- ค่าส่วนกลาง 75 บาท/ตร.วา/เดือน
- Promotion : สิทธิพิเศษที่พักจากเครือ Raya Collection
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ
Tips : แนะนำการขอสินเชื่อกับธนาคาร
เกณฑ์การพิจารณาการขอสินเชื่อจากธนาคาร ควรมีเงื่อนไขตรงกับข้อไปนี้ค่ะ
- มีรายรับชัดเจน สม่ำเสมอ(ไม่ผันผวน) ต่อเนื่องนานกว่า 6 เดือน และสามารถตรวจสอบได้
- ควรมีภาระหนี้รวมทั้งหมด (ทั้งบ้าน รถยนต์ บัตรเครดิต และอื่นๆ) ไม่เกิน 40% ของรายได้ต่อเดือน
- มีรายได้ต่อเดือนมากกว่าค่าผ่อนชำระสินเชื่อบ้าน 3 เท่าขึ้นไป
หากต้องการผ่อนบ้านให้หมดไว แนะนำให้โปะเพิ่มประมาณ 10% ของงวดผ่อน จะช่วยลดระยะเวลาผ่อนลงได้ 4 – 7 ปี (ขึ้นอยู่กับอัตราดอกเบี้ย) และควร Refinance หรือ Retention เพื่อให้ดอกเบี้ยลดลงทุกๆ 3 ปี ทั้งนี้อย่าลืมเผื่อค่าใช้จ่ายในการซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าและตกแต่ง*ก่อนเข้าอยู่เพิ่มเติมด้วยนะคะ
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
>>โปะบ้านหมดไว คำนวณได้เอง
>>โอนบ้านจบ อย่าใช้เงินหมด! ค่าใช้จ่ายแฝงเพียบ
บทสรุป
ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง :
โครงการตั้งอยู่ในซอยรามคำแหง 118 แยก 33 ใกล้หมู่บ้านพฤกษชาติ เข้า-ออกได้ 2 ทางทั้งเส้นรามคำแหงและถนนคู่ขนานกาญจนาภิเษก จึงเดินทางเชื่อมต่อไปโซนข้างเคียงได้ง่าย ใกล้ทางด่วนวงแหวนกาญจนาภิเษกประมาณ 1.80 กิโลเมตร อีกทั้งมีรถไฟฟ้าหลายสายเป็นตัวเลือกในการเดินทาง อย่างใกล้สุดจะเป็น MRT สายสีส้ม สถานีสัมมากร ห่างประมาณ 2.6 กิโลเมตร มี MRT สายสีเหลือง และ Airport Rail Link
ส่วนความอุดมสมบูรณ์โดยรอบก็ถือว่าครบครัน มีร้านค้า ร้านอาหารในซอยพฤษชาติ, หมู่บ้านสัมมากรและตรงเส้นกรุงเทพกรีฑาอยู่หลากหลายให้เลือกจับจ่ายใช้สอยได้ แต่หากอยากไปห้างใหญ่ๆก็มี Paseo Town รามคำแหง, The Mall บางกะปิ, Lotus’s บางกะปิ และ The Mall รามคำแหง รวมถึงเป็นทำเลที่มีโรงเรียนนานาชาติและสนามกอล์ฟหลายแห่ง เช่น Brighton College Bangkok , Wellington College international Bangkok, สนามกอล์ฟ กรุงเทพกรีฑา และสนามกอล์ฟ นวธานี ซึ่งตอบโจทย์กับกลุ่มครอบครัวที่ซื้อบ้านระดับนี้
ความปลอดภัยในโครงการและตัวบ้าน :
ประตูทางเข้า-ออกโครงการแบบประตูรั้วเหล็กรางเลื่อนอัตโนมัติควบคุมด้วยรีโมท มีระบบในการเข้า-ออกโครงการแบบ Keycard Access รวมถึงติดตั้งกล้อง CCTV ที่ Main Gate และภายในโครงการ 16 จุด พร้อมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง และรั้วรอบโครงการเป็นรั้วคอนกรีตทึบสูง 3 เมตร ต่อด้วยรั้วไฟฟ้ากันขโมยสูง 60 เซนติเมตร สำหรับตัวบ้านจะมีระบบ Magnetic Sensor บริเวณชั้นล่าง และ CCTV รอบตัวบ้าน จำนวน 4 จุดค่ะ
การออกแบบโครงการและพื้นที่ใช้สอย :
ออกแบบเป็นโครงการจัดสรรที่มีจำนวนยูนิตน้อยสุดบนทำเลเพียง 15 หลัง เน้นความเป็นส่วนตัวสูง อีกทั้งจัดผังโครงการให้บางซอยมีเพื่อนบ้านเพียง 2 -3 หลัง ทำให้ได้บรรยากาศในโครงการที่เงียบสงบ เหมาะแก่การพักผ่อนมากยิ่งขึ้น
ตัวบ้าน คือ Highlight ของโครงการนี้เลย เพราะเป็นบ้านสั่งสร้างแห่งเดียวบนทำเล ทำให้สามารถออกแบบฟังก์ชันและวัสดุในบ้านได้เอง เพื่อปรับให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของแต่ละคนเลย รวมถึงไม่ต้องมาคุมช่างเองด้วยนะ เพราะมีโครงการเป็นตัวกลางในการจัดการเรื่องต่างๆให้ รวมถึงพอเป็นโครงการจัดสรรได้อยู่ในหมู่บ้าน ก็จะได้ความปลอดภัยที่แน่นหนาค่ะ
ส่วนแบบบ้านก็มีทั้งสไตล์ Tropical Resort เหมือนพักผ่อนในรีสอร์ตและสไตล์ Modern Minimal ได้ Vibe เหมือนพักอยู่ที่โรงแรม อีกทั้งออกแบบพื้น Post Tension ได้พื้นที่ขนาดใหญ่ระหว่างเสา จึงได้พื้นที่เปิดโล่ง จัดฟังก์ชันการใช้งานได้ง่าย ตอบโจทย์ครอบครัวใหญ่ขนาดสมาชิก 4-7 คน รองรับการอยู่อาศัยแบบ 3 Generations ได้เลย เพราะมีลิฟต์และสระว่ายน้ำมาให้ทุกหลังค่ะ
นอกจากนั้นเมื่อเทียบกับบ้านที่มีขนาดพอๆกันกับโซนกรุงเทพกรีฑา ถือว่าโครงการนี้คุ้มค่าด้านราคาและพื้นที่ใช้สอย เพราะได้พื้นที่ใช้สอยพอๆกัน แต่มีราคาที่จับต้องง่ายกว่า
วัสดุ :
เป็นไปตามระดับราคา ซึ่งเลือกมาแล้วว่า Mood&Tone เข้ากับสไตล์โรงแรมและรีสอร์ต ดูเรียบง่าย สวยงาม สิ่งที่เราชอบคือเรื่องของระบบต่างๆ ที่ติดตั้งในตัวบ้าน เช่น ลิฟต์บ้านที่มีทั้ง Otis ระบบสลิงและระบบสกรูจาก Artico ที่เป็นลิฟต์กระจกมีดีไซน์ Minimal, แอร์ระบบ VRV ทั้งหลัง ไม่รบกวนดีไซน์ของตัวบ้าน, ระบบหม้อต้มกลางจ่ายน้ำร้อนทุกห้องของ Heismann น้ำจะร้อนเร็วกว่าแบบทั่วไป เป็นต้น
พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ :
พื้นที่สวนหย่อมภายในโครงการทั้งหมดประมาณ 92.2 ตร.วา ถึงแม้จะไม่ได้มีขนาดใหญ่มาก แต่ออกแบบสวนสีเขียวตั้งแต่ด้านหน้าโครงการเข้ามายังด้านใน อีกทั้งจัดสวนตลอดแนวถนนหลัก สร้างบรรยากาศร่มรื่นและน่าอยู่อาศัยได้ดี รวมถึงสายไฟลงดินทั้งโครงการ ทำให้ภาพรวมโครงการดูเรียบร้อย สะอาดตา
สาธารณูปโภค :
เนื่องจากจัดเป็นโครงการขนาดเล็กจึงไม่ได้มี Clubhouse หรือพื้นที่ส่วนกลางให้ใช้งาน อีกทั้งตัวบ้านยังเป็น Pool Villa มีสระว่ายน้ำส่วนตัวและเป็นบ้านสั่งสร้างที่มีพื้นที่ใช้สอยขนาดใหญ่ จึงออกแบบบ้านได้ตามการใช้งานและจัดฟังก์ชันทุกอย่าง เช่น Fitness, Yoga Room หรือห้องอเนกประสงค์เข้ามาอยู่ในบ้านได้ครบ จึงเน้นอยู่อาศัยภายในบ้านเป็นหลัก ไม่ต้องออกไปใช้งานด้านนอกเลยค่ะ แต่ยังมีการเก็บค่าส่วนกลาง 75 บาท/ตร.วา/เดือน เพื่อคอยดูแลบำรุงถนนส่วนกลาง จัดการขยะ ดูแลสวนและระบบรักษาความปลอดภัยต่างๆ ถึงแม้จะจ่ายค่าส่วนกลางในราคาที่สูงกว่า เพราะมีจำนวนเพื่อนบ้านเพียง 15 หลัง แต่ก็แลกมากับบรรยากาศในโครงการที่เงียบสงบ ไม่ค่อยพลุกพล่านค่ะ
Judgement
เนื่องจาก Raya Residence Krungthep kritha-Ramkhamhaeng (รายา เรสซิเดนซ์ กรุงเทพกรีฑา-รามคำแหง) เป็นโครงการระดับ Super Luxury ที่มีราคาขายระดับ 50 ล้านบาทขึ้นไป ปัจจัยในการเลือกซื้อนอกจากจะต้องดูเรื่องความคุ้มค่าทางการเงินแล้ว ยังมีปัจจัยอื่นๆอีกที่สำคัญ เช่น ความชอบส่วนบุคคล อารมณ์ และความรู้สึกส่วนตัวของผู้ซื้อ ที่ต้องนำมาใช้ประกอบการพิจารณา แต่ปัจจัยดังกล่าวมีความแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคลค่อนข้างชัดเจน ดังนั้นทางทีมงานจะขออนุญาตไม่มีการให้คะแนนความคุ้มค่าแก่โครงการนะคะ
Raya Residence Krungthep kritha-Ramkhamhaeng (รายา เรสซิเดนซ์ กรุงเทพกรีฑา-รามคำแหง) เหมาะกับใคร
โครงการ Raya Residence Krungthep kritha-Ramkhamhaeng (รายา เรสซิเดนซ์ กรุงเทพกรีฑา-รามคำแหง) เป็นโครงการ Pool Villa ในโซนรามคำแหง-กรุงเทพกรีฑา เหมาะกับครอบครัวขนาดกลาง-ใหญ่ สมาชิก 4-7 คน ที่อยากได้บ้านที่สามารถออกแบบและปรับฟังก์ชัน การตกแต่งได้ตามความต้องการและตามงบประมาณ ได้ความคุ้มค่าทั้งราคาและพื้นที่ใช้สอย อีกทั้งชอบ Theme ของโครงการที่ออกแบบมาในสไตล์รีสอร์ตหรือโรงแรม รวมถึงยังอยากได้บ้านที่อยู่ในหมู่บ้าน มีความปลอดภัยแน่นหนา เป็นส่วนตัว มีงบประมาณเริ่มต้นอยู่ในช่วง 59-68 ล้านบาท หรือผ่อนประมาณ 281,675-324,642 บาท/เดือน แต่ยังไม่รวมงานตกแต่งภายในนะคะ
ตัวอย่างโครงการโดยรอบบนทำเลเดียวกัน
Think of Living รวบรวมมาให้แล้ว!
โครงการเปิดใหม่ทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮมและคอนโดมิเนียม ในทำเลทั่วกรุงเทพและปริมณฑล ในทุกๆเดือนย้อนหลัง ใครที่กำลังมองหาบ้านห้ามพลาด อาจจะมีโครงการในราคาและทำเลที่เพื่อนๆ ตามหาอยู่ก็เป็นได้นะ
เข้ามาชมบทความรายเดือนได้เลย คลิกที่นี่