ใครที่กำลังมองหาคอนโดพร้อมอยู่ เดินทางสะดวก จะไปขึ้นรถไฟฟ้าก็ไม่ต้องพึ่งวิน ไม่ต้องเดินไกล วันนี้ Think of Living รวมมาให้แล้วกับคอนโดมิเนียมพร้อมเข้าอยู่ ติดรถไฟฟ้า 0 เมตร แบบแค่เดินออกจากโครงการก็ขึ้นบันไดสถานีได้เลย

ครั้งนี้เราจะโฟกัสไปที่ “คอนโดพร้อมอยู่ ติด BTS สายสีเขียวอ่อน” เพราะมีเส้นทางยาวที่สุดและเชื่อมผ่านโซนสำคัญหลายโซน ไม่ว่าจะเป็นรัชโยธิน, ห้าแยกลาดพร้าว, สยาม, ทองหล่อ ไปจนถึงเอกมัย เรียกว่าครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์ตั้งแต่เรียน ทำงานหรือช้อปปิ้ง Hang Out จึงไม่แปลกที่คอนโดติดรถไฟฟ้าสายนี้ เป็นตัวเลือกอันดับต้นๆของทั้งที่คนซื้ออยู่เองและนักลงทุนที่ซื้อเพื่อปล่อยเช่าค่ะ

นอกจากจะแนะนำโครงการแล้ว เราจะพาไปเจาะลึกแบบห้องที่น่าสนใจ ซึ่งยังมีห้องว่างให้เลือกซื้อ พร้อมอัปเดตราคาล่าสุดมาให้ด้วย

อยากรู้แล้วใช่ไหมว่ามีโครงการไหนบ้าง? ที่พร้อมเข้าอยู่และติดรถไฟฟ้าสายนี้แบบอยู่หน้าโครงการเลย งั้นตามไปอ่านกันต่อเลยค่ะ

คอนโดพร้อมอยู่ ติด BTS สายสีเขียวอ่อน (สายสุขุมวิท)

ก่อนที่เราจะไปดูรายละเอียดของคอนโดกัน เราจะขอพูดถึง “รถไฟฟ้า BTS สายสีเขียวอ่อน” กันก่อน โดยรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียวอ่อน หรือที่เรียกว่าสายสุขุมวิท  เปิดให้บริการตั้งแต่ปี 2542 พร้อมกับ BTS สายสีเขียวเข้ม (สายสีลม) ซึ่ง BTS สายสีเขียวอ่อนนี้ถือเป็นสายหลักสำคัญของกรุงเทพฯที่มีแนวเส้นทางครอบคลุมหลายโซน เพราะวิ่งตัดผ่านใจกลางเมืองและย่านธุรกิจสำคัญมากมาย ไปจนถึงพื้นที่ชานเมืองทั้งทางตอนเหนือและใต้ โดยแนวเส้นทางนี้ตัดผ่านถึง 3 จังหวัดด้วยกัน นั่นก็คือ ปทุมธานี กรุงเทพมหานครและสมุทรปราการ

ระยะทางของ BTS สายนี้มีความยาวรวมประมาณ 54.25 กิโลเมตร และมีจำนวนสถานีถึง 47 สถานี ทำให้ BTS สายสีเขียวอ่อนจึงเป็นสายรถไฟฟ้าที่มีระยะทางยาวที่สุดในปัจจุบัน และเป็นเส้นทางที่เชื่อมต่อกับย่านสำคัญต่างๆ เช่น รัชโยธิน, ห้าแยกลาดพร้าว, สยาม, ทองหล่อ และเอกมัย

ด้วยเส้นทางการเดินทางของ BTS สายนี้ที่ครอบคลุมย่านสำคัญหลายโซนจึงทำให้คอนโดมิเนียมที่อยู่ใกล้ BTS สายสีเขียวอ่อนจึงเป็นที่นิยมมากๆทั้งกลุ่มคนที่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองหรือซื้อเพื่อลงทุนปล่อยเช่า เพราะไม่ว่าจะเดินทางไปทำงาน เรียน หรือทำธุระต่างๆก็สะดวกสบาย เดินทางได้ต่อเดียวแบบไม่ต้องเปลี่ยนขบวนนั่นเองค่ะ

ปัจจุบันคอนโดมิเนียมที่ติดรถไฟฟ้าสายนี้จะอยู่ในโซนกรุงเทพฯตอนเหนือและตอนใต้ เพราะเป็นแนวรถไฟฟ้าที่เป็นส่วนต่อขยายและพื้นที่ยังไม่หนาแน่น มีที่ดินเปล่าให้พัฒนาคอนโดได้และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ส่วนบริเวณใจกลางเมืองก็ไม่ใช่ไม่มีคอนโดติดรถไฟฟ้านะ แต่ราคาจะสูงกว่าทำเลที่ไกลจากตัวเมืองออกไปนั่นเอง รวมถึงส่วนใหญ่จะเป็นโครงการเก่าหรือเปิดขายมานานแล้วค่ะ โดยปัจจุบันมีคอนโดมิเนียมแบบพร้อมเข้าอยู่ ติดรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียวอ่อน 0 เมตร ทั้งหมด 5 โครงการ ดังนี้

งั้นเราจะพาไปดูรายละเอียดแต่ละโครงการกัน รวมถึงเจาะลึกแบบห้องที่ยังมีให้เลือกซื้อและน่าสนใจมาฝากกันด้วยค่ะ

Rich Park Terminal @Phahonyothin 59 ( ริชพาร์ค เทอมินอล @พหลโยธิน 59)

ติด BTS สถานีพหลโยธิน 59 | เริ่ม 2.59 ล้านบาท 

Image 1/7
Rich Park Terminal @Phahonyothin 59

Rich Park Terminal @Phahonyothin 59

คอนโดมิเนียมแบบ High Rise สูง 14 ชั้น บนพื้นที่ประมาณ 3 ไร่ มีทั้งหมด 563 ยูนิต ตัวโครงการก่อสร้างเสร็จเรียบร้อยและพร้อมเข้าอยู่ค่ะ โดยตั้งอยู่ติดถนนใหญ่ ใกล้ BTS สถานีพหลโยธิน 59 และบริเวณแยก คปอ. ซึ่งสามารถเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนธูปเตมีย์ ใช้เป็นทางลัดไปยังสนามบินดอนเมืองได้อย่างสะดวก นอกจากนี้ยังใกล้ทางด่วนถึง 2 สาย ได้แก่ ทางยกระดับอุตราภิมุขและทางพิเศษฉลองรัช

รอบๆโครงการรายล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่อย่าง Central รามอินทรา, Lotus’s หลักสี่ และ BigC สะพานใหม่ รวมถึงสถานศึกษาหลายแห่ง เช่น .เกริก, มรภ.พระนครฯ (PNRU), ม.ศรีปทุม และ ม.เกษตรศาสตร์ เป็นต้น ทำให้โครงการนี้จึงเหมาะสำหรับลงทุนปล่อยเช่าทั้งกลุ่มนักศึกษาและพนักงานในย่านนี้ด้วยนั่นเอง

อีกจุดเด่นของโครงการนี้ คือ แผนก่อสร้างทางเดินเชื่อม Sky Walk ไปยังสถานีรถไฟฟ้า ซึ่งตอนนี้ก็มีการก่อสร้างไปบางส่วนแล้ว เหลือแต่รอการอนุมัติให้เชื่อมตัวสะพานกับตัวสถานีรถไฟฟ้า ปัจจุบันยังอยู่ในระหว่างการขออนุญาต คาดทราบผลในช่วงปลายปี 2568 นี้ หากได้รับการอนุมัติแล้ว คาดว่าจะใช้เวลาก่อสร้างเพื่อเชื่อมสะพานทางเดินกับสถานีรถไฟฟ้าเพียง 15–20 วัน และสามารถเปิดทางเดิน Sky Walk นี้ให้ลูกบ้านใช้งานได้ทันทีค่ะ

พื้นที่ส่วนกลางของโครงการ

ทางโครงการออกแบบส่วนกลางมาให้ครบครัน โดยจะตั้งอยู่ที่ชั้น 4 ที่ถือเป็น Main Facilities ของโครงการทั้งสระว่ายน้ำ Fitness และ Co-working Space สำหรับการทำงานหรือนั่งพักผ่อน พูดคุย ส่วนชั้น Rooftop จัดเป็นพื้นที่สวนสีเขียว ให้ลูกบ้านมานั่งเล่นหรือชมวิวเมืองกันได้ นอกจากนั้นชั้นล่างของโครงการจะมี Community Mall รวบรวมร้านค้าทั้ง CJ More หรือคลินิกต่างๆให้ลูกบ้านใช้บริการได้ง่ายๆด้วย

ห้องพักอาศัย

ห้องพักส่วนใหญ่หันไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือและตะวันตกเฉียงใต้ที่ได้แดดอ่อนๆและรับลมดี มีจำนวนยูนิตสูงสุดต่อชั้นที่ 54 ยูนิต ซึ่งถือว่ามีความหนาแน่นต่อชั้นสูงเลย ส่วนตัวห้องของโครงการมีทั้ง 1 Bedroom ขนาด 24.70-29.44 ตร.ม. และ 1 Bedroom Plus ขนาด 34.45-34.52 ตร.ม. อยู่อาศัย 1-2 คนได้สบาย ปัจจุบันยังมีให้เลือกทั้ง 4 แบบห้องเลย ซึ่งแต่ละแบบห้องมีการจัดวางฟังก์ชันคล้ายๆกัน เรียงเป็นห้องครัวแบบเปิด ห้องน้ำ พื้นที่นั่งเล่นและห้องนอนที่ติดกับช่องหน้าต่างได้แสงธรรมชาติและเปิดรับวิวด้านนอก จึงเหมาะกับคนที่ไม่ได้ทำอาหารจริงจังมากนักและเน้นพื้นที่พักผ่อนเป็นหลักค่ะ อีกท้ังตกแต่งเป็น Fully Fitted แต่จะมีให้เฟอร์นิเจอร์มาบางส่วน แต่ละแบบห้องจะได้ไม่เหมือนกัน สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมกับทางโครงการได้โดยตรงเลยค่ะ

เจาะลึก 1 Bedroom Plus พื้นที่ 34.45 ตร.ม. เริ่ม 3.29 ล้านบาท

ถึงแม้ 1 Bedroom พื้นที่ 29 ตร.ม. จะมีจำนวนมากที่สุดในโครงการ อีกทั้งหันไปฝั่งทิศตะวันตกเฉียงใต้ รับวิวเปิดโล่ง แต่ในอนาคตผืนที่ดินเปล่าด้านข้างโครงการจะมีการสร้างคอนโดสูงขึ้นมา จึงทำให้ห้องที่หันไปทางฝั่งด้านนั้นจะโดนบังวิวหมดเลย ทำให้ห้องฝั่งที่หันไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือไม่มีตึกสูงโดยรอบจึงน่าสนใจ มีแบบห้องทั้ง 1 Bedroom พื้นที่ 24.70 ตร.ม. และ 1 Bedroom Plus พื้นที่ 34.45 ตร.ม. แต่แบบห้อง  1 Bedroom จะมีการออกแบบเหมือนกันเลย แตกต่างแค่พื้นที่ใช้สอยที่ไม่เท่ากัน เราจึงพาเจาะลึกที่ 1 Bedroom Plus พื้นที่ 34.45 ตร.ม. เริ่ม 3.29 ล้านบาทค่ะ

เมื่อเข้ามาภายในห้องจะเจอกับ Common Area ขนาดใหญ่ จึงได้บรรยากาศโปร่งโล่งตั้งแต่เข้าห้องมาเลย โดยจัดเป็นพื้นที่ครัว พื้นที่รับประทานอาหารและพื้นที่นั่งเล่น ตัวห้องจะไม่ได้ออกแบบเป็นครัวปิดจึงเหมาะกับคนที่ไม่ได้ทำอาหารบ่อยๆ เน้นซื้ออาหารจากร้านค้าหรือสั่งอาหาร Delivery มากกว่า

ส่วนห้องนอนและห้องอเนกประสงค์จะกั้นด้วยประตูกระจกจึงช่วยดึงแสงธรรมชาติเข้าไปภายในห้องดูสว่าง ไม่มืดทึบ ภายในห้องนอนวางเตียง 5 ฟุตและตู้เสื้อผ้าด้านข้างได้ พร้อมแขวนทีวีตรงปลายเตียงได้เลย มีพื้นที่เดินรอบเตียงกว้าง ส่วนห้องอเนกประสงค์จะไม่ได้มีขนาดใหญ่มากนัก อาจจะวางเป็นเตียงเล็กๆได้พอดี เราจึงมองว่าปรับเป็นห้องทำงานหรือเล่นเกมก็เหมาะกว่า สามารถตั้งโต๊ะและเก้าอี้ พร้อมชั้นวางของเล็กๆด้านข้างได้ รวมถึงจะปรับเป็นห้องครัวก็ได้นะ เราก็จะได้เป็นครัวปิดติดระเบียง เปิดระบายอากาศได้ด้วยค่ะ

Mazarine Ratchayothin (แมสซารีน รัชโยธิน)

ติด BTS สถานีรัชโยธิน | เริ่ม 6.29 ล้านบาท

Image 1/10
Mazarine Ratchayothin

Mazarine Ratchayothin

คอนโดมิเนียม High Rise สูง 37 ชั้น จำนวน 1 อาคาร ประกอบด้วยห้องพักอาศัย 474 ยูนิต และร้านค้า 2 ยูนิต โดดเด่นด้วยทำเลติดถนนใหญ่พหลโยธิน และตั้งอยู่ห่างจาก BTS รัชโยธินเพียง 0 เมตร จึงเดินทางได้สะดวกสบายมากๆ นอกจากนั้นยังมีพื้นที่จอดรถมากถึง 70% เลยนะ ทำให้ไม่ว่าจะเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวหรือรถไฟฟ้าก็ง่าย

นอกจากนั้นตัวโครงการตั้งอยู่ตรงข้าม Major รัชโยธิน ทำให้สามารถเดินข้ามไปช้อปปิ้งได้เพลินๆเลย อีกทั้งยังอยู่ในย่านที่รายล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร คาเฟ่ รวมถึงใกล้สถานศึกษาและอาคารสำนักงานขนาดใหญ่ เช่น สำนักงานใหญ่ SCB และตึกช้าง อีกทั้งเป็นทำเลที่อยู่ใกล้กับห้าแยกลาดพร้าว ซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางของธุรกิจและการเดินทางที่สามารถเชื่อมต่อกับ MRT สายสีน้ำเงินด้วย 

พื้นที่ส่วนกลาง

พื้นที่ส่วนกลางของโครงการถูกออกแบบมาอย่างหลากหลายและกระจายอยู่ในหลายชั้น มีข้อดีคือลูกบ้านเข้าถึงและใช้งานได้ง่าย โดยชั้น 1 จะเป็นพื้นที่ต้อนรับ สร้างความประทับใจตั้งแต่ก้าวเข้ามาในโครงการ, ชั้น 8 มี Meeting Room และ Co-Working Space ที่เปิดเชื่อมต่อกันหรือจะปิดกั้นพื้นที่เป็นสัดส่วนก็ได้ พร้อมพื้นที่สวนสีเขียวให้เดินออกมา Relax และรับวิวเมือง, ชั้น 22 Mini Relax Garden ออกแบบเป็นสวนหย่อมเล็กๆ, ชั้น 36 และ 37 เป็น Main Facilities ของโครงการ โดยชั้น 36 เป็นสระว่ายน้ำให้มาว่ายน้ำ ออกกำลังกายกัน ส่วนชั้น 37 ประกอบด้วย Private Salon, Kid Room, Laundry, Sky Fitness, Bar & Pantry Sky Lounge และ Party Room ที่สำคัญคือพื้นที่ส่วนกลางในชั้นบนสุดแบบนี้จะเปิดรับวิวเมืองมุมสูงนั่นเอง

ห้องพักอาศัย

ทางโครงการออกแบบตัวห้องหันรับวิวทิศตะวันตกเฉียงเหนือและทิศตะวันตกเฉียงใต้เป็นหลัก มีแบบห้องให้เลือกมากถึง 9 แบบและเน้นเป็น 1 Bedroom อยู่อาศัย 1-2 คนได้สบายๆเลย โดยภายในห้องจะมีการแบ่งพื้นที่เป็นสัดส่วน เราชอบที่ห้องน้ำก็อยู่ในตำแหน่งที่เข้าถึงได้ง่ายหรือสามารถเข้า-ออกได้ 2 ทาง ทำให้เวลามีแขกมาเยี่ยมก็ไม่ต้องเดินอ้อมเข้ามาภายในห้องนอนเรานั่นเอง แต่ Highlight ของโครงการนี้ก็ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานอยู่ที่ 3 เมตร มากกว่าคอนโดทั่วไป จึงทำให้ได้ความโปร่งโล่งภายในห้อง อีกทั้งเปิดรับวิวและแสงธรรมชาติจากภายนอกได้เยอะค่ะ รูปแบบการขายของโครงการนี้จะเป็น Fully Furnished ตกแต่งครบพร้อมเข้าอยู่ค่ะ ซึ่งปัจจุบันมีห้องเหลือขายประมาณ 10% แล้วนะคะ เรียกว่าใกล้หมดเต็มที แต่ก็ยังมีห้องที่น่าสนใจหลายห้องเลย โดยเราจะพาไปดูกันต่อที่ด้านล่างนี้ค่ะ

เจาะลึก 1 BEDROOM CORNER TYPE B พื้นที่ 43 ตร.ม. เริ่ม 6.29 ล้านบาท

เราเลือกแปลนห้อง 1 BEDROOM CORNER TYPE B พื้นที่ 43 ตร.ม. มาเจาะลึกกันก็เพราะเป็นห้องที่ไม่ติดกับห้องเพื่อนบ้านเลย จึงได้ความเป็นส่วนตัวสูงสุดในชั้น อีกทั้งอยู่ที่ชั้น 20-35 ได้วิวเมืองมุมสูงและหันไปฝั่งด้านหน้าโครงการ ได้วิวเปิดโล่งนั่นเอง

เมื่อเข้ามาภายในห้องจะเจอกับพื้นที่ครัว ซึ่งเราสามารถกั้นผนังเพิ่มเพื่อเป็นครัวปิดได้ นอกจากจะได้พื้นที่ภายในห้องเป็นสัดส่วนแล้ว ยังช่วยป้องกันไม่ให้กลิ่นอาหารลอยเข้าไปภายในห้องด้วย ถัดมาจะได้พื้นที่นั่งเล่นขนาดใหญ่ เหมาะทำ Built-in ชั้นวางทีวีแบบยาวและโซฟายาวด้วย ส่วนตัวบานหน้าต่างกระจกของห้องจะเป็นแนวยาวจาก Common Area ไปถึงห้องนอน จึงเปิดรับแสงธรรมชาติและวิวได้กว้าง นอกจากนั้นตรงพื้นที่ด้านหน้าก่อนออกไปยังระเบียงมีพื้นที่เล็กๆ ถ้าเป็นเราจะกั้นผนังเพิ่มทำเป็นพื้นที่ตั้งเครื่องซักผ้าหรือเครื่องอบผ้า อีกทั้งใช้งานต่อเนื่องไปยังระเบียงเพื่อตากผ้าต่างๆได้ด้วยนะ

ส่วนพื้นที่ภายในห้องนอนก็มีขนาดใหญ่ นอกจากวางเตียง 5 ฟุตและโต๊ะข้างเตียงทั้ง 2 ฝั่งแล้ว ยังมีพื้นที่ริมหน้าต่างตั้งโต๊ะทำงานได้สบายๆเลย ด้านหน้าห้องน้ำจะมีพื้นที่ให้ Built-in ตู้เสื้อผ้าได้เป็นสัดส่วนดี อีกทั้งยังกั้นผนังเพิ่มเพื่อป้องกันฝุ่นจากเสื้อผ้าและความชื้นจากห้องน้ำไม่ให้ลอยมาตรงเตียงได้ด้วย

สำหรับเรามองว่าคนที่เหมาะกับห้องนี้จะชอบความเป็นส่วนตัวสูง เพราะตัวห้องไม่ได้ติดกับเพื่อนบ้าน อีกทั้งยังอยู่อีกฝั่งจากโซนลิฟต์ จึงมีระยะเดินที่ไกลหน่อย แต่ก็แลกมากับไม่ค่อยมีคนเดินพลุกพล่านมากนัก รวมถึงยังเป็นคนที่ชอบทำกิจกรรมต่างๆภายในห้อง เน้นทั้งพื้นที่นั่งเล่นและห้องนอนขนาดใหญ่ อีกทั้งชอบความเงียบสงบ ไม่ได้เชิญเพื่อนๆมานั่งเล่นที่ห้องบ่อยๆ เพราะห้องน้ำภายในห้องจะอยู่ด้านในสุดของห้องนอนเลย ทำให้เวลาจะใช้ห้องน้ำทีจะต้องเดินผ่านพื้นที่แทบทุกส่วนภายในห้องนี้ แขกที่มาเยี่ยมจึงอาจจะเป็นครอบครัวหรือเพื่อนที่สนิทมากๆนั่นเอง

ทาง Think of Living เคยเขียนรีวิวโครงการ พร้อมเจาะลึกห้อง 1 Bedroom Flexi ขนาด 41.50-43.00 ตร.ม. และ 2 Bedroom 1 Bathroom ขนาด 48 ตร.ม. มาแล้วนะ ทั้ง 2 แบบห้องนี้ก็ยังเป็นแบบห้องที่ยังเลือกซื้อได้อยู่ด้วย ใครสนใจก็สามารถไปชมบรรยากาศห้องตัวอย่างทั้ง 2 ห้องได้ที่ Link ด้านล่างนี้เลยค่ะ

อ่านรีวิวแบบเจาะลึกได้ที่นี่ >> https://wp.me/p1YZB1-2JUj

Quinn Sukhumvit 101 (ควินน์ คอนโด สุขุมวิท 101)

ติด BTS สถานีปุณณวิถี | เริ่ม 4.99 ล้านบาท 

Image 1/16
Quinn Sukhumvit 101

Quinn Sukhumvit 101

คอนโดมิเนียม High Rise สูง 31 ชั้น จำนวน 347 ยูนิต พร้อมร้านค้าอีก 2 ยูนิต ตั้งอยู่ติดถนนใหญ่สุขุมวิท และ BTS สถานีปุณณวิถี ในระยะ 0 เมตร ซึ่งนับว่าเป็นทำเลใจกลางเมืองที่หาได้ยากมาก ด้วยราคาที่ดินที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องและแทบไม่มีที่ดินเปล่าให้พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแล้ว อีกทั้งยังเดินทางเข้าสู่ย่านสำคัญอย่าง ทองหล่อ, เอกมัย และอุดมสุขได้ง่าย จึงจะอยู่อาศัยเองและการลงทุนปล่อยเช่าในระยะยาวให้กับกลุ่มพนักงานหรือชาว Expat บนย่านนี้ได้ค่ะ

พื้นที่ส่วนกลาง

เป็นอีกโครงการที่ออกแบบกระจายพื้นที่ส่วนกลางไว้หลายชั้น เพื่อให้ลูกบ้านสามารถมาใช้ส่วนกลางกันได้ง่ายๆ แต่ Main Facilites จะอยู่ที่ชั้นบนสุดตามสไตล์คอนโด High Rise เพื่อเปิดรับวิวมุมสูงนั่นเอง สำหรับชั้น 1 ประกอบด้วย Lobby Area, Social Lounge, ร้าค้า 2 ยูนิตพร้อม Secret Garden เป็นสวนสีเขียวเพิ่มบรรยากาศน่าอยู่อาศัยในโครงการ ส่วนชั้น 7 เป็น Active Facilites มีทั้ง Fitness และสระว่ายน้ำ พร้อมสวนหย่อมอยู่ด้านข้างสระด้วย ให้มานั่งพักผ่อนได้ และชั้น 31 เป็น Sky Facilites เปิดรับวิวเมืองมุมสูง มี Sky Lounge, Theater Room, Pool Table Room, Multipurpose Room และชั้นดาดฟ้าจะเป็น Rooftop Garden ที่มีการแบ่งพื้นที่ BBQ Area เอาไว้ทำอาหารและปาร์ตี้ได้

ห้องพักอาศัย

ทางโครงการออกแบบตัวอาคารเป็นรูปตัว S หันรับวิวสองฝั่งอย่างทิศเหนือ-ใต้ ส่วน Core Lift จะตั้งอยู่กลางอาคาร มีข้อดีที่ทุกห้องมีระยะเดินมาใช้งานลิฟต์ที่พอๆกัน โดยห้องพักส่วนใหญ่ในชั้น Low Zone จะเป็น 1 Bedroom และมี 2 Bedroom จะเป็นห้องมุมอาคารที่มีเพียง 3 ห้องต่อชั้นเท่านั้น มีจำนวนยูนิตสูงสุดที่ 16 ยูนิตต่อชั้น ส่วนชั้น 25 ขึ้นไปจะเป็น High Zone ที่ปีกอาคารฝั่งด้านหน้าจะหายไป ทำให้มีจำนวนห้องพักอาศัยที่ลดลงไป จึงได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้นค่ะ

ตัวห้องจะเน้นเป็นห้องหน้ากว้าง มีการแบ่งแยกฟังก์ชันการใช้งานเป็นสัดส่วนดี รูปแบบห้องจะเริ่มที่ 1 Bedroom Plus 35 ตร.ม. ไปจนถึง 3 Bedroom (Combined Unit) 89 ตร.ม.  (Duplex ขายหมดแล้ว) แตกต่างจากโครงการอื่นๆที่มีแบบห้องเริ่มต้นเป็น Studio หรือ 1 Bedroom ที่เป็นห้องขนาดกะทัดรัด โครงการนี้จึงอยู่อาศัยเป็นครอบครัวได้สบาย มีความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.80 เมตร เพิ่มบรรยากาศโปร่งสบายภายในห้องด้วย ส่วนรูปแบบการขายเป็นแบบ Fully Fitted ที่มีเฟอร์นิเจอร์ Built-In มาให้บางส่วนค่ะ

เจาะลึก 3 Bedroom (Combined Unit) 89 ตร.ม. เริ่ม 17 ล้านบาท

ทาง Think of Living เคยไปทำรีวิวเจาะลึกโครงการนี้ พร้อมเก็บภาพบรรยากาศห้องตัวอย่าทั้ง 1 Bedroom Plus 35 ตร.ม. และ 2 Bedroom พื้นที่ 54 ตร.ม. มาแล้ว สามารถคลิกชมที่ Link นี้ได้เลยค่ะ

ครั้งนี้เราจึงขอพามาวิเคราะห์ 3 Bedroom 89 ตร.ม. ที่เป็น New Combined Unit โดยเป็นการนำห้อง 1 Bedroom Plus และ 2 Bedroom มาต่อกัน ทำให้ได้เป็นห้องหน้ากว้างพิเศษ รองรับกลุ่มครอบครัวโดยเฉพาะ โดยมีพื้นที่ตรงกลางห้องเป็น Common Area ขนาดใหญ่ มีพื้นที่นั่งเล่นและพื้นที่รับประทานอาหาร วางโต๊ะ 4ที่นั่งแล้ว ก็ยังมีพื้นที่เหลือเยอะ พร้อมระเบียงขนาดใหญ่อยู่ด้านข้างเป็นมุมอ่านหนังสือ ปลูกต้นไม้ได้ ส่วนพื้นที่ครัวจะอยู่ถัดจากพื้นที่นั่งรับประทานอาหาร ทำให้จัดเสิร์ฟ เตรียมอาหารได้ง่ายดี แต่ใครที่ไม่อยากให้กลิ่นควันอาหารลอยเข้าไปติดเฟอร์นิเจอร์ภายในห้องก็กั้นเป็นครัวปิดได้เลย มีช่องระบายกลิ่นและอากาศได้

พื้นที่ห้องนอนจะอยู่คนละฝั่งกัน Master Bedroom จะแยกอยู่ห้องเดียว จึงได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้น พื้นที่ภายในห้องมีขนาดใหญ่ นอกจากวางเตียงนอนแล้ว ยังมีมุมนั่งเล่นติดหน้าต่างและทำพื้นที่ Walk-in Closet ภายในห้องได้เลย รวมถึงยังได้ห้องน้ำส่วนตัวด้วยนะ

สำหรับห้องนอนรองทั้ง 2 ห้องจะอยู่อีกฝั่งของห้องเลย โดยห้องนอนรอง 2 จะมีขนาดใหญ่กว่า วางเตียง 5 ฟุตได้สบายและมีหน้าต่างขนาดใหญ่ เปิดรับวิวและแสงได้เยอะ ส่วนห้องนอนรอง 2 จะมีขนาดห้องให้พอวางเตียง 3.5 ฟุตพร้อมตู้เสื้อผ้าเล็กๆได้ ซึ่งห้องนอนทั้ง 2 ห้องนี้จะใช้งานห้องน้ำร่วมกันค่ะ

เราจะเห็นว่าพื้นที่ภายในห้องนอนจะไม่ได้มีขนาดใหญ่มากนัก เพราะเน้นให้ทุกคนในครอบครัวมานั่งเล่น ทำกิจกรรมตรงพื้นที่นั่งเล่นกันมากกว่าด้วยการออกแบบเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่นั่นเองค่ะ

อ่านรีวิวแบบเจาะลึกได้ที่นี่ >> https://wp.me/p1YZB1-29wz

The Metropolis Samrong Interchange (เดอะเมโทรโพลิส สำโรง อินเตอร์เชนจ์)

ติด Interchange Station ของ BTS สถานีสำโรงและ MRT สายสีเหลือง สถานีสำโรง | เริ่ม 2.9 ล้านบาท 

Image 1/12
The Metropolis Samrong Interchange

The Metropolis Samrong Interchange

โครงการนี้ตั้งอยู่บนที่ดินขนาดประมาณ 8 ไร่ ประกอบด้วย 3 อาคาร รวม  1,770 ยูนิต แบ่งเป็นคอนโด High Rise 2 อาคาร ได้แก่ อาคาร A สูง 39 ชั้น จำนวน 1,056 ยูนิต และอาคาร B สูง 30 ชั้น จำนวน 552 ยูนิต ส่วนคอนโด Low Rise เป็นอาคาร C สูง 7 ชั้น จำนวน 162 ยูนิต

ที่ตั้งโครงการอยู่ติดถนนสุขุมวิทและอยู่ติด BTS สถานีสำโรง ซึ่งความพิเศษของสถานีนี้ก็คือเป็น Interchange Station เชื่อมไปยัง MRT สายสีเหลือง สถานีสำโรง ได้นั่นเอง จึงเดินทางได้ง่ายทั้งไปทองหล่อ, เอกมัย, สยาม หรือพญาไทก็สะดวก หรือจะนั่งสายสีเหลืองไปทางศรีนครินทร์และลาดพร้าวก็ง่ายค่ะ

พื้นที่ส่วนกลาง

ออกแบบพื้นที่ส่วนกลางกระจายไปอยู่ในแต่ละอาคาร ทำให้ไม่ว่าจะอยู่อาคารไหน ลูกบ้านก็มาใช้งานส่วนกลางได้ง่าย แต่หากมีส่วนกลางที่เราชอบใช้งานบ่อยๆ ก็เลือกอยู่อาคารที่มีส่วนกลางนั้นก็ทำให้เดินไปใช้งานได้สะดวกดี ฟังก์ชันส่วนกลางมีทั้ง Grand lobby, Infinity Edge pool 2 สระ, Kids pool, Kids room, Co-working space, Meeting room, Fitness center, Sky lounge, Sky Deck, Onsen, Golf Simulator, Private Theater, Badminton Court และ Restaurants

ห้องพักอาศัย

จากที่เราได้บอกไปว่าอาคารพักอาศัยมีอยู่ 3 อาคาร แต่ตำแหน่งของอาคาร B จะอยู่ใกล้ทางเข้า-ออกโครงการมากที่สุด เหมาะกับคนที่ไม่ชอบเดินไกล ส่วนอาคาร A และ C จะอยู่ด้านในของโครงการ จึงมีระยะเดินที่มากกว่า แต่ก็จะได้ความเงียบสงบ ไม่มีคนพลุกพล่านหรือเสียงดังจากรถยนต์บนท้องถนน

สำหรับตัวห้องของโครงการมีให้เลือกทั้ง Studio, 1 Bedroom และ 2 Bedroom ขนาด 28-67 ตร.ม. จึงอยู่อาศัยได้ตั้งแต่คนเดียวไปถึงครอบครัวขนาดเล็กเลย โดยทุกยูนิตออกแบบให้ทำเป็นครัวปิดได้ จึงทำอาหารได้จริงจังและมีระเบียงส่วนตัว เปิดรับวิว อีกทั้งเน้นพื้นที่นั่งเล่นขนาดใหญ่ ไว้สำหรับทำกิจกรรมต่างๆภายในห้องได้สะดวก มีรูปแบบการขายเป็น Fully Furnished ตกแต่งมาให้เรียบร้อย จึงพร้อมย้ายเข้ามาอยู่เลยค่ะ

เจาะลึก Studio พื้นที่ 28 ตร.ม. เริ่ม 2.9 ล้านบาท

ห้องที่เราจะพามาเจาะลึกจะเป็นห้องขนาดเล็กสุดของโครงการ นั่นก็คือ Studio พื้นที่ 28 ตร.ม. แต่บอกเลยว่าออกแบบมาได้เป็นสัดส่วนดีมากๆเลยนะ เพราะพอเข้าห้องมาจะเจอกับพื้นที่ครัวที่ปูพื้นเป็นกระเบื้อง ซึ่งเราสามารถกั้นเป็นประตูกระจกบานเลื่อนเพิ่ม เพื่อทำเป็นครัวปิดได้ด้วยค่ะ จะได้มีกลิ่นควันจากการทำอาหารลอยไปติดเฟอร์นิเจอร์ด้านในห้อง รวมถึงพอเลือกใช้เป็นบานกระจกก็ช่วยดึงแสงจากหน้าต่างส่องเข้ามาให้พื้นที่ภายในดูสว่างด้วย แต่สำหรับใครที่ไม่ได้ทำอาหารก็ไม่ต้องกั้นผนังเพิ่มค่ะ ทำให้ได้บรรยากาศโปร่งโล่งและพื้นที่เชื่อมต่อเนื่องจากหน้าประตูไปถึงหน้าต่างเลย ซึ่งเป็นจุดเด่นของห้อง Studio เหมาะกับคนที่ชอบพื้นที่ใช้งานต่อเนื่องกันและเน้นความโปร่งค่ะ ส่วนด้านข้างจะเป็นห้องน้ำ ใช้งานได้สะดวก

สำหรับการออกแบบโซน Service อยู่ด้านหน้าห้อง ทำให้นอกจากช่างมาซ่อมบำรุงรักษาต่างๆได้ง่ายแล้ว ยังเป็น Buffer Zone ช่วยป้องกันเสียงดังจากโถงทางเดินไม่ให้เข้าไปยังโซนพักผ่อนที่อยู่ด้านในด้วยค่ะ

จุดเด่นของแบบห้องนี้คือพื้น Common Area เป็น Engineering wood แตกต่างจากแบบห้องอื่นๆในโครงการที่จะได้เป็นพื้นกระเบื้อง ทำให้บรรยากาศของห้องนี้จะเหมาะแก่การพักผ่อนมากกว่า

ทางโครงการออกแบบ Common Area ขนาดใหญ่ มีพื้นที่วางโซฟาและชั้นวางทีวีได้ หรือเดี๋ยวนี้คนไม่ค่อยได้ใช้ทีวีเท่าไหร่แล้ว ก็สามารถทำเป็น Built-in ตู้เสื้อผ้าและตู้เก็บของเป็นแนวยาวเต็มผนังได้เลย ช่วยให้เก็บของได้เป็นระเบียบเรียบร้อย ตอบโจทย์ชาวคอนโดที่มักจะมีพื้นที่เก็บของไม่พอนะ ส่วนด้านข้างหน้าต่างก็มีพื้นที่วางเตียง 5 ฟุต และโต๊ะทำงานได้ พร้อมเปิดไปยังระเบียงที่มีขนาดพอให้ตั้งเครื่องซักผ้าและวางราวตากผ้าเล็กๆค่ะ

เป็นอีกโครงการที่ทาง Think of Living ได้ทำรีวิวเจาะลึกโครงการ พร้อมวิเคราะห์และเก็บภาพบรรยากาศห้องตัวอย่างทั้ง 1 Bedroom 35 ตร.ม. และ 2 Bedroom 52 ตร.ม. มาแล้ว ซึ่งทั้ง 2 ห้องก็ยังมีห้องให้เราเลือกซื้อได้อยู่นะ ถ้าใครสนใจก็ตามไปอ่านกันต่อได้ที่ Link ด้านล่างนี้เลยค่ะ

อ่านรีวิวแบบเจาะลึกได้ที่นี่ >> https://wp.me/p1YZB1-Ybz

Origin Plug & Play E22 Station (ออริจิ้น ปลั๊ก แอนด์ เพลย์ อี 22 สเตชั่น)

ติด BTS สถานีสายลวด | เริ่ม 1.89 ล้านบาท 

Image 1/9
Origin Plug and Play E22 Station

Origin Plug and Play E22 Station

ขอบอกก่อนเลยว่า Origin Plug & Play E22 Station กับ Origin Plug & Play Sailuat Station คือโครงการเดียวกันนะคะ เพราะน่าจะมีหลายๆคนสับสนเยอะเลยว่าใช่โครงการเดียวกันมั้ย แต่เราได้สอบถามกับทางโครงการมาเรียบร้อยแล้ว โดยใช้ชื่ออย่างเป็นทางการว่า “Origin Plug & Play E22 Station” ค่ะ

โครงการนี้เป็นคอนโดมิเนียม High Rise สูง 25 ชั้น จำนวน 1 อาคาร พร้อมอาคารจอดรถ รวมยูนิตทั้งหมด 1,044 ยูนิต ซึ่งตัวโครงการจะตั้งอยู่ติดถนนสุขุมวิทแบบติด BTS สถานีสายลวดเลย จึงเดินทางสะดวกทั้งโดยรถยนต์และรถไฟฟ้า สามารถเชื่อมต่อเข้าสู่ใจกลางเมือง เช่น สยาม, ทองหล่อ และเอกมัยได้ง่าย อีกทั้งยังใกล้นิคมอุตสาหกรรมด้วย จึงจะซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองหรือลงทุนปล่อยเช่าก็ได้เหมือนกัน

สำหรับจุดเด่นของโครงการนี้ นั่นก็คือ คอนโดแห่งเดียวบนทำเลที่ออกแบบได้ห้องพักฝ้าเพดานสูงถึง 4.20 เมตร ทำให้ได้เปรียบในเรื่องบรรยากาศโปร่งโล่งภายในห้องและยังเป็นคอนโด Pet-Friendly ที่อนุญาตให้เลี้ยงสัตว์ได้ด้วยนะคะ ทำให้ถ้าใครอยู่อาศัยกับน้องๆสัตว์เลี้ยงกำลังมองหาคอนโดติดรถไฟฟ้าก็ต้องนึกถึงโครงการนี้เลยค่ะ ปัจจุบันทางโครงการเพิ่งทำการโอนห้องไปเมื่อเดือนมิถุนายน 2568 นี้เองนะ เรียกว่าเป็นโครงการที่เพิ่งสร้างเสร็จสดๆร้อนๆเลย

พื้นที่ส่วนกลาง

โครงการออกแบบกระจายพื้นที่ส่วนกลางไปแต่ละชั้น มีข้อดีคือลูกบ้านเข้าถึงและใช้งานได้ง่ายค่ะ โดยชั้น 1 เป็นเน้นเป็นพื้นที่ต้อนรับ พักผ่อนและนั่งทำงานอย่าง Main Lobby / Private Lobby, Co-Working Space ส่วนด้านนอกจะเป็น Active garden และ Multi – Sport Court ต่อมาชั้น 2 เป็นพื้นที่รองรับการทำงานทั้ง Co-Working Space และ Meeting Room และชั้น 25 เป็น Main Facilites ของโครงการ ออกแบบเป็น Sky Facilities ประกอบด้วย Sky Bar / Game Room, Sky Corridor, Sky Lounge และ Sky Gym สำหรับชั้นบนสุดของอาคารพักอาศัยจะมี Swimming Pool, Rooftop Bar, Co-Working Space และ Rest Area ทำให้เปิดรับวิวมุมสูง ส่วนชั้น Rooftop ของ Parking จะเป็นพื้นที่สีเขียวทั้ง Jogging Track, Picnic Area, Pet Park, Recreation Space, Work Out Space / Pavi Gym, Relaxing Space และ Yoga Lawn เป็นทั้งพื้นที่ออกกำลังกายและพื้นที่ส่วนกลางของสัตว์เลี้ยงด้วย

ห้องพักอาศัย

ตัวอาคารออกแบบเป็นตัว I โดยตัวห้องหันหน้าไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือและทิศตะวันตกเฉียงใต้ สำหรับตำแหน่งลิฟต์จะอยู่ทั้ง 2 ฝั่งอาคาร จึงช่วยกระจายความหนาแน่นเวลาใช้งาน รวมถึงห้องพักแต่ละฝั่งอาคารก็มีระยะเดินมาใช้งานลิฟต์ที่ไม่ไกล

รูปแบบห้องของโครงการจะเป็นห้อง 1 Bedroom และ 1 Bedroom Plus ขนาด 22-34 ตร.ม. ที่มีทั้งแบบ Simplex ความสูงอยู่ที่ 2.40 เมตรและ Duo Space สูง 4.20 เมตรที่เป็นจุดเด่นของโครงการและอยู่ชั้น 11-25 ค่ะ ส่วนชั้นของห้องพักแบบ Pet-Friendly จะอยู่ที่ชั้น 9-14 ทำให้ Pet Parent มีตัวเลือกห้องพักทั้ง Simplex และ Duo Space เลยค่ะ สำหรับภายในห้องจะแบ่งฟังก์ชันเป็นสัดส่วน ได้ครัวแบบปิดและมีระเบียงทุกยูนิต นอกจากนั้นด้วยตัวห้อง Duo Space ที่ไม่มีในโครงการอื่นบนทำเลเลย จึงทำให้มีห้องเหลือขายไม่เยอะแล้วนะคะ

เจาะลึก 1 Bedroom Duo Space พื้นที่ 22-24 ตร.ม. เริ่ม 2.99 ล้านบาท

เพราะว่านี่เป็นโครงการแรกบนทำเลที่มีห้องแบบ Loft ให้เลือก เราก็เลยขอเจาะลึกที่ 1 Bedroom Duo Space พื้นที่ 22-24 ตร.ม. เป็นห้องขนาดเล็กสุดของห้องแบบ Duo Space ค่ะ

แน่นอนว่าจุดเด่นของห้องแบบ Loft ก็คือความโปร่งโล่ง เพราะออกแบบเป็นพื้นที่ Double Volume มีความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 4.20 เมตร ทำให้ได้บรรยากาศเหมือนอยู่บ้านค่ะ อีกทั้งมีการแบ่งแยกพื้นที่เป็นชั้นบน-ล่าง จึงได้ความเป็นสัดส่วนดี

โดยพื้นที่ชั้นล่างจะเป็นพื้นที่นั่งเล่น พักผ่อนหรือทำงาน  สามารถวางโซฟาและชั้นวางทีวีพร้อมโต๊ะกลางได้สบายๆ ส่วนพื้นที่ริมหน้าต่างสามารถตั้งโต๊ะทำงานได้ ทำให้นั่งทำงานไปพร้อมชมวิวได้เพลินๆเลย นอกจากนั้นก็มีห้องครัวที่ออกแบบเป็นครัวปิดมาเรียบร้อยแล้ว พร้อมเคาน์เตอร์ครัวและอุปกรณ์ครบครัน ส่วนห้องน้ำก็อยู่ด้านข้างรองรับการใช้งานตอนนั่งพักผ่อนที่ชั้นล่างได้ ส่วนระเบียงก็ใชเป็นพื้นที่ตั้งเครื่องซักผ้าหรือทำมุมปลูกต้นไม้ได้ด้วยนะ

พอตกกลางคืนก็เดินขึ้นบันไดไปชั้นบนที่เป็นพื้นที่เตียงนอนได้เลย โดยวางเตียง 5-6 ฟุต พร้อมโต๊ะข้างเตียงทั้ง 2 ฝั่ง สามารถทำมุมโต๊ะแต่งหน้าและตู้เสื้อผ้าอยู่ด้านข้างเตียงนอนได้เยอะเลย สำหรับชั้นลอยนี้จะกั้นด้วยราวกันตก แต่เราสามารถเปลี่ยนเป็นกั้นด้วยผนังกระจกก็ได้นะคะ จะได้ไม่เปลืองค่าไฟเวลาเปิดแอร์ที่ห้องนอนนั่นเอง

อ่านพรีวิวโครงการได้ที่นี่เลย >> https://wp.me/p1YZB1-3YJY


ภาพรวมคอนโด พร้อมเข้าอยู่
ติด BTS สายสีเขียวอ่อน 0 เมตร

เราได้สรุปภาพรวม “คอนโดมิเนียมแบบพร้อมเข้าอยู่ในปัจจุบันที่ติดรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียวแบบ 0 เมตร” มาให้อ่านกัน ซึ่งจะเห็นว่าแต่ละโครงการก็จะมีการออกแบบ ความน่าสนใจและราคาที่แตกต่างกันออกไป โดยเราได้สรุปจุดเด่นแต่ละประเด็นเพื่อเป็นตัวเลือกในการช่วยตัดสินใจมาให้ ดังนี้

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เก็บข้อมูลช่วงเดือนสิงหาคม 2568 ดังนั้นราคาต่างๆ อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ

  • ราคาจับต้องได้ง่ายสุด : Origin Plug & Play E22 Station (ออริจิ้น ปลั๊ก แอนด์ เพลย์ อี 22 สเตชั่น) ราคาดีสุด เริ่ม 1.89 ล้านบาท แตกต่างจากโครงการอื่นที่มีราคา 2 ล้านกลางๆไปจนถึง 6 ล้านต้นๆเลย
  • งบไม่เกิน 3 ล้านบาท : มีอยู่ 3 โครงการด้วยกัน ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 1.89-2.9 ล้านบาท ได้แก่ Origin Plug & Play E22 Station (ออริจิ้น ปลั๊ก แอนด์ เพลย์ อี 22 สเตชั่น), Rich Park Terminal @Phahonyothin 59 ( ริชพาร์ค เทอมินอล @พหลโยธิน 59) และ The Metropolis Samrong Interchange (เดอะเมโทรโพลิส สำโรง อินเตอร์เชนจ์) 
  •  พื้นที่จอดรถเยอะสุด : Mazarine Ratchayothin (แมสซารีน รัชโยธิน) มีพื้นที่จอดรถมากถึง 70% รองลงมาจะเป็น Quinn Sukhumvit 101 (ควินน์ คอนโด สุขุมวิท 101) มีพื้นที่จอดรถ 53%
  • เชื่อมต่อรถไฟฟ้า 2 สาย : The Metropolis Samrong Interchange (เดอะเมโทรโพลิส สำโรง อินเตอร์เชนจ์) เป็นคอนโดที่ติดกับ BTS สถานีสำโรง ที่เป็น Interchange Station เชื่อมกับ MRT สายสีเหลือง ส่วน Rich Park Terminal @Phahonyothin 59 ( ริชพาร์ค เทอมินอล @พหลโยธิน 59) จะอยู่ติด BTS สถานีพหลโยธิน 59 แต่นั่งไปอีก 1 สถานีก็จะสถานีวัดพระศรีมหาธาตุ ที่เป็น Interchange Station เชื่อมกับ MRT สายสีชมพู จึงถือว่าเดินทางเชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายอื่นได้ง่ายค่ะ
  • ขึ้นรถไฟฟ้าได้ง่าย : ทุกโครงการในบทความนี้จะอยู่ติดรถไฟฟ้าแบบ 0 เมตรอยู่แล้ว แต่ Rich Park Terminal @Phahonyothin 59 ( ริชพาร์ค เทอมินอล @พหลโยธิน 59) มีการก่อสร้าง Sky Walk เชื่อมจากตัวอาคารไปยังตัวสถานี BTS เลย จึงทำให้ขึ้นรถไฟฟ้าได้ง่ายขึ้น ปัจจุบันยังอยู่ในระหว่างการขออนุญาตและก่อสร้าง Sky Walk นะคะ
  • คอนโดเลี้ยงสัตว์ได้ : จะมีเพียงโครงการเดียว นั่นก็คือ Origin Plug & Play E22 Station (ออริจิ้น ปลั๊ก แอนด์ เพลย์ อี 22 สเตชั่น) รองรับกลุ่มคนที่เลี้ยงน้องๆสัตว์เลี้ยงเป็นครอบครัว พร้อมออกแบบพื้นที่ส่วนกลางให้น้องๆใช้งานได้ภายในโครงการเลย
  • เน้นความเป็นส่วนตัวสูง : Quinn Sukhumvit 101 (ควินน์ คอนโด สุขุมวิท 101) มีจำนวนยูนิตเพียง 347 ยูนิต ได้บรรยากาศภายในโครงการที่ไม่พลุกพล่าน เงียบสงบ
  • ซื้อของง่ายภายในโครงการ : หลายๆโครงการจะมีพื้นที่ร้านค้าอยู่แล้ว แต่ Rich Park Terminal @Phahonyothin 59 ( ริชพาร์ค เทอมินอล @พหลโยธิน 59) จะมี Community Mall เป็นพื้นที่ร้านค้าประมาณ 12 ยูนิต เช่น CJ More, BAO CAFÉ และคลินิกต่างๆ ทำให้ลูกบ้านซื้อของและใช้บริการได้สะดวกภายในโครงการค่ะ
  • พื้นที่ภายในห้องขนาดใหญ่ :  The Metropolis Samrong Interchange (เดอะเมโทรโพลิส สำโรง อินเตอร์เชนจ์) ได้พื้นที่ใช้สอยภายในแต่ละแบบห้องมากกว่าโครงการอื่นๆ เริ่มต้นที่ 28 ตร.ม.
  • เน้นความโปร่งโล่ง : Origin Plug & Play E22 Station (ออริจิ้น ปลั๊ก แอนด์ เพลย์ อี 22 สเตชั่น) มีแบบห้อง Duo Space ฝ้าสูง 4.20 เมตร ส่วนอีกโครงการที่น่าสนใจ คือ Mazarine Ratchayothin (แมสซารีน รัชโยธิน) ที่ทุกยูนิตมีความสูงห้องอยู่ที่ 3 เมตร มากกว่าคอนโดอื่นๆ
  • เน้นห้องใหญ่ อยู่เป็นครอบครัวได้ : Quinn Sukhumvit 101 (ควินน์ คอนโด สุขุมวิท 101) จะมีแบบห้องเริ่มต้นเป็น 1 Bedroom Plus ไปจนถึง 3 Bedroom เลย แต่โครงการอื่นจะมีแบบห้องเริ่มต้นเป็นห้องขนาดเล็กกะทัดรัดอย่าง Studio หรือ 1 Bedroom นั่นเอง


จบแล้วนะคะสำหรับบทความ “คอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ ติดรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียว 0 เมตร” ซึ่งมีอยู่ทั้งหมด 5 โครงการด้วยกัน มีทั้งทำเลอยู่ใจกลางเมืองหรือขยับออกไปรอบนอกหน่อย แต่ก็ยังอยู่ติดถนนใหญ่และรถไฟฟ้า จึงเดินทางได้ง่าย อีกทั้งมีราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 1 ล้านปลายๆ ไปจนถึง 6 ล้านต้นๆเลย หากใครมีงบ 3 ล้านบาท อยากได้คอนโดพร้อมอยู่ ติด BTS 0 เมตร ก็สามารถเลือกซื้อได้ถึง 3 โครงการเลยค่ะ  แถมยังมีแบบห้องที่น่าสนใจให้เลือกซื้อยู่หลายห้องเลยค่ะ

เราหวังว่าบทความนี้จะช่วยประกอบการตัดสินใจเลือกซื้อคอนโดแบบพร้อมเข้าอยู่ ติด BTS 0 เมตรได้มากขึ้นนะคะ ไว้ครั้งหน้าทาง Think of Living จะพาไปดูคอนโดพร้อมอยู่ ติดรถไฟฟ้า 0 เมตร สายไหน หรือมีบทความน่าสนใจอะไรอีกบ้าง ติดตามกันต่อได้เลย 😊